เป็นที่ยอมรับทั้งในหมู่นักสังคมศาสตร์และนักจิตวิทยาว่า ครอบครัวมีความสำคัญต่อบุคลิกภาพ ซึ่งหมายถึงมีความสำคัญต่อ ลักษณะและรูปแบบของ ความคิด ความรู้สึก และการประพฤติปฏิบัติของบุคคลแต่ละคนในเรื่องต่างๆ รวมทั้งเรื่องการทำงาน
ครอบครัวมีอิทธิพลสำคัญต่อการเจริญเติบโตทางบุคลิกภาพของเด็ก ลักษณะต่างๆของพ่อแม่ทั้งในทางดีและไม่ดี จะมีโอกาสถ่ายทอดไปยังตัวเด็กโดยการอบรมทั้งที่ตั้งใจและไม่ตั้งใจ
ความเชื่อและวิธีการต่างๆที่ใช้ในการอบรมเลี้ยงดูเด็ก มีความสำคัญต่อการสร้างบุคคลให้เป็นกำลังสำคัญของสังคม จนกล่าวได้ว่า ความแตกต่างในระดับการพัฒนาและระบบการปกครองประเทศ อาจสืบไปได้ถึงความแตกต่างในวิธีการอบรมเลี้ยงดูเด็กที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในสมัยนั้น
ถ้าเด็กเกิดมาในครอบครัวที่พ่อแม่รู้จักเลี้ยงดูและอบรมเด็กอย่างถูกต้อง เด็กจะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่ดีของสังคมต่อไป ในทางตรงกันข้าม เด็กที่เกิดมาในครอบครัวที่พ่อแม่เลี้ยงดูและอบรมเด็กไม่ถูกต้อง เมื่อโตขึ้นเด็กจะกลายเป็นผู้ใหญ่ที่ไม่ดีของสังคม
อย่างไรก็ตาม แต่ละวัฒนธรรมมีวิธีการอบรมเลี้ยงดูเด็กของแต่ละสังคมแตกต่างกันออกไป จึงเป็นผลให้บุคลิกภาพของผู้ใหญ่ในแต่ละสังคมหรือแต่ละชาติต่างกัน และการจะเสริมสร้างลักษณะประจำชาติให้มีลักษณะส่งเสริมการพัฒนานั้น วิธีการให้ได้ผลที่สุดจะต้องเริ่มที่วิธีการอบรมเลี้ยงดูตั้งแต่เด็ก
ในแง่ของการทำงานก็เช่นเดียวกัน การอบรมเลี้ยงดูในวัยเด็กมีอิทธิพลอยู่มาก การจะเข้าใจการทำงานและวัฒนธรรมการทำงานของคนในสังคมใด จะต้องเข้าใจการฝึกอบรมเพื่อการทำงานในวัยเด็ก
การทำงานเป็นพฤติกรรมทางวัฒนธรรมที่ได้รับการฝึกอบรมและพัฒนาต่อเนื่องกันมาเป็นเวลาหลายปี จนกล่าวได้ว่า เมื่อใดคนไม่มีสมรรถภาพและไม่พอใจที่จะทำงาน สามารถจะบอกได้ว่ามีสาเหตุมาจาก ความล้มเหลวของชีวิตภายในครอบครัวและชุมชน ที่ไม่สามารถสร้างประสบการณ์การทำงานให้กับคนที่อยู่ในวัยเด็ก
การฝึกอบรมเพื่อให้สมาชิกในสังคมรู้จักการทำงาน จึงเป็นภาระหน้าที่ของสังคมที่ต้องกระทำ แต่จะกระทำในลักษณะใดนั้น เป็นไปตามความแตกต่างทางวัฒนธรรม
ความจริงเด็กเริ่มเรียนรู้การทำงานตั้งแต่เด็กมีอายุยังน้อย เรียนรู้ด้วยการสังเกตกิจกรรมการทำงานของพ่อแม่ ญาติพี่น้อง และทันทีที่เขาสามารถเดินได้ เด็กจะเลียนแบบการทำงานของคนเหล่านั้น เด็กสามารถจะช่วยงานเล็กๆน้อยๆก่อนที่เด็กจะมีทักษะใดๆด้วยซ้ำไป การสังเกตจากการทำงานของผู้ใหญ่ และการช่วยงานเล็กๆน้อยๆเป็นเหตุให้เด็กมีประสบการณ์ และเกิดความคุ้นเคยกับการทำงาน ตลอดจนได้รับการปลูกฝัง ค่านิยม และนิสัยการทำงานโดยไม่รู้ตัว
ฉะนั้น ถ้าจะให้เด็กมีทัศนคติ ค่านิยม และนิสัยการทำงานที่ดี ควรจะได้รับการพัฒนาตั้งแต่วัยเด็ก พ่อแม่ที่ทำให้เด็กเชื่อโดยทางตรงหรือทางอ้อมก็ตาม ว่าการทำงานเป็นเรื่องที่ต้องอดทนและควรหลีกเลี่ยงถ้าทำได้ จะทำให้ความมุ่งมาตรที่จะทำให้ตนเองก้าวหน้าด้วยการทำงานของลูกจะถูกทำลายไป ซึ่งความจริงลูกๆควรได้รับการสอนว่ากิจกรรมการทำงานเป็นเรื่องธรรมชาติสำหรับมนุษย์
และเป็นเรื่องจำเป็น ที่เด็กควรได้รับการพัฒนาให้รู้สึกพอใจที่สามารถทำงานได้สำเร็จ และมีทัศนคติที่ดีต่อการทำงาน ด้วยการกระตุ้นให้เด็กมีส่วนร่วมในกิจกรรมทั้งหลายที่เกี่ยวกับการทำงาน ซึ่งการกระทำอย่างมีเป้าหมายเหล่านี้ จะทำให้เด็กเกิดลักษณะไม่กลัวการทำงาน หรือมีลักษณะที่ต้องการทำงานแต่น้อย แต่อยากได้ค่าจ้างสูงๆ เหล่านี้ เป็นต้น
นั่นคือ ถ้าต้องการให้คนในชาติมี ความคิด ความเชื่อ ค่านิยม และมีพฤติกรรมที่เอื้อต่อการทำงาน จำเป็นจะต้องให้การฝึกฝนอบรมเกี่ยวกับการทำงานตั้งแต่เด็กโดยครอบครัวมีบทบาทสำคัญ
--------------------------------------------------------------------------------------------------
สาระคิด
การอบรมเลี้ยงดูเด็กไทย มีหลักที่ต้องปฏิบัติ 3 ประการ คือ (1) ทำทุกอย่างแทนเด็กโดยเฉพาะเด็กชาย (2) คุ้มครองไม่ให้เกิดอัตราย และ (3) ให้ความสนุกสนานแก่เด็ก
Henry M.Graham
*****************************************************************
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น