การรู้คุณค่าแห่งตน(self-esteem)ในเชิงบวก มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อความสำเร็จในชีวิต จึงจำเป็นที่บุคคลจะต้องสร้างและพัฒนาการรู้คุณค่าแห่งตนในเชิงบวกเพื่อนำไปสู่ชีวิตที่ดี
เกี่ยวกับเรื่องนี้ นักจิตวิทยาชื่อ Nido R. Qubein กล่าวว่า การรู้คุณค่าแห่งตนในเชิงบวก สามารถสร้างได้ด้วยวิธีการต่อไปนี้
1.เริ่มต้นด้วยความเชื่ออย่างไม่มีข้อสงสัยว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายรักตน โดยเชื่อว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ได้วางรากฐานที่แข็งแรงให้กับตน เพื่อให้ตนสามารถสร้างคุณค่าแห่งตนในเชิงบวกให้สูงขึ้นได้อย่างแน่นอนโดยไม่มีข้อสงสัย
2.ยอมรับตนเองทั้งหมดโดยไม่มีข้อสงสัย การยอมรับตนเองตั้งแต่เดี๋ยวนี้ เป็นจุดเริ่มต้นของการสร้างการรู้คุณค่าแห่งตนที่สำคัญ ที่จะทำให้การรู้คุณค่าแห่งตนสูงขึ้น และต้องเป็นการยอมรับตนเองโดยไม่มีเงื่อนไข
3.เลิกพูดถึงวิธีการและสิ่งที่ไม่ดีของตนทั้งหมด การวิจารณ์ตนเองในเชิงทำลายเพียงคำเดียว จะทำลายการรู้คุณค่าแห่งตนถึง 10 เท่าของคำวิจารณ์จากคนอื่น คนที่พูดเรื่องที่ไม่ดีเกี่ยวกับตนเองอย่างต่อเนื่อง จะเชื่อในสิ่งที่ตนพูดในที่สุด และเมื่อเชื่อในสิ่งที่พูดแล้วจะทำตามในสิ่งที่เชื่อ ในทำนองเดียวกัน ถ้าบุคคลพูดถึงตัวเองในเชิงบวก จะทำให้บุคคลเชื่อสิ่งเหล่านั้นเช่นเดียวกัน ซึ่งมีผลทำให้การรู้คุณค่าแห่งตนเพิ่มขึ้น การสร้างนิสัยที่พูดถึงตนเองในสิ่งดีๆ พบว่าจะทำให้ชอบตนเองมากขึ้น
4. ทำในสิ่งที่ต้องการจะเปลี่ยนแปลงที่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ ให่ระบุสิ่งที่ตนไม่ชอบและสามารถเปลี่ยนแปลงได้ แล้วลงมือทำเพื่อเปลี่ยนแปลงสิ่งที่ไม่ชอบนั้น โดยจะต้องทำบ่อยๆจนกลายเป็นนิสัย
5. เรียนรู้ที่จะยอมรับคนอื่นตามที่เขาเป็นและยกย่องเขา ในเชิงสถิติพบว่า ร้อยละ 85 ของคนที่ถูกให้ออกจากงาน มีเหตุมาจากไม่สามารถเข้ากับคนอื่นได้ การเข้า่กับคนอื่น หมายถึงการยอมรับคนอื่นตามที่เขาเป็น กุญแจแห่งความสำเร็จในการคบเพื่อนในทุกเรื่องคือ ไวต่อความเข้าใจต่อความต้องการของคนอื่น และช่วยให้เขาได้ในสิ่งที่เขาต้องการ ดังคำพูดที่ว่า ถ้าท่านช่วยคนอื่น คนอื่นจะช่วยท่าน และท่านจะมีเพื่อนมากขึ้น
6.ใช้ทัศนคติในเชิงบวกและแสวงหาคนที่มีทัศนคติในเชิงบวก ในโลกนี้มีคนอยูี่ 2 พวก คือคนในเชิงบวกและคนในเชิงลบ คนที่มองโลกในแง่ดี จะมีทัศนคติในเชิงบวก ส่วนคนที่มองโลกในแง่ร้าย จะมีทัศนคติในเชิงลบ กฎของการสร้างทัศนคติในเชิงบวก ก็คือ การกระทำในเชิงบวก กับแสวงหาคนที่มีทันคติในเชิงบวก แล้วใช้เวลาอยู่กับเขาให้มากที่สุด
7. ทำค่านิยมของตนให้กระจ่างและรักษาค่านิยมนั้นไว้ คนที่มีความสุขและประสบความสำเร็จ เรียนรู้ที่จะให้คุณค่ากับคนอื่น และรู้คุณค่าของการใช้สิ่งต่างๆ ผู้ที่ต้องงการสร้างการรู้่คุณค่าแห่งตนในเชิงบวกควรจะรักษาค่านิยมนี้ไว้
8. พึ่งตนเองแต่ช่วยเหลือผู้อื่นเต็มที่ บุคคลที่รู้คุณค่าแห่งตนในเชิงบวก จะเรียนรู้ที่จะยืนบนขาของตนเอง มนุษย์ทุกคนอยากเป็นอิสระ และโอกาสที่ดีที่สุดที่จะรักษาความอิสระไว้ได้ ก็คือการพึ่งตนเอง คนที่พึ่งตนเองเท่านั้นที่จะรักษาการนับถือตนเองไว้ได้ ในขณะเดียวกันคนที่รู้คุณค่าตนเองในทางบวก มีแนวโน้มที่จะช่วยเหลือคนอื่น และยิ่งช่วยเหลือคนอื่นมากขึ้นเท่าไร จะยิ่งมีความรู้สึกดีต่อตนเองมากขึ้นเท่านั้น คนที่ให้บุคคลื่นอย่างเต็มที่ ท้ายที่สุดจะได้มากกว่าที่เขาได้ให้ไป
9. ปลูกฝังความกตัญญูให้มั่นคง คนประเภทสร้างตนด้วยตนเองเอง หรือ คนซึ่ง"ไม่มีใครให้อะไรฉันเลย"เป็นคนที่ไม่มีในโลก เพราะมนุษย์ทุกคนจะได้รับจากคนอื่นไม่อย่างใดก็อย่างหนึ่ง จึงต้องมีการปลูกฝังความกตัญญููเพราะความกตัญญุไม่ได้เกิดขึ้นโดยอัตโนมัติ เพราะคนส่วนใหญ่สนใจแต่สิ่งที่ต้องการมากกว่าที่จะอยากรู้ว่าตนได้รับอะไรจากใคร ดังนั้น ถ้าจะสร้างและรักษาภาพลักษณ์แห่งตนในเชิงบวกจะต้องปลูกฝังความกตัญญูอย่างแท้จริง
10. ปลูกฝังความสัมพันธ์ที่มั่นคง บุคคลที่ประสบความสำเร็จจะรู้จักคนเป็นจำนวนมาก แต่มีเพื่อนเพียงหยิบมือเดียว ความเป็นเพื่อนก็เหมือนความกตัญญู คือไม่ได้เกิดขึ้นโดยอัตโนมัติ แต่เกิดจากการ"ให้"ตัวเรากับคนที่เรารัก ไม่มีการลงทุนใดๆจะยิ่งใหญ่ กินเวลา มากกว่าการลงทุนสร้างความเป็นเพื่อน คนที่รู้ถึงคุณค่าแห่งตน จะปลุกฝังความเป็นเพื่อนให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้
จะเห็นว่า การสร้างการรู้คุณค่าแห่งตนในเชิงบวก จะต้องเริ่มด้วยการมีความคิด ความเชื่อ และทัศนคติในเชิงบวก พร้อมไปกับการปรับเปลี่ยน เสริมสร้าง ด้วยการปฏิบัติดังที่กล่าวมา การรู้คุณค่าแห่งตนจึงจะเกิดขึ้น ซึ่งจะนำไปสู่การมีชีวิตที่ดี
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
สาระคิด
คนที่รู้คุณค่าแห่งตนต่ำเท่านั้น ที่จะพูดว่า "ตัวใครตัวมัน"
Nido R. Qubein
*********************************************************************************
วันจันทร์ที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2560
วันจันทร์ที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2560
การรู้คุณค่าแห่งตนสำคัญอย่างไร
การรู้คุณค่าแห่งตน คือ การตัดสินของแต่ละบุคคลต่อการมีหรือไม่มีคุณค่าของตน เป็นความรู้สึกในเชิงบวกหรือลบ การมีความคิดเห็นเกี่ยวกับตนในทางบวก เป็นการรู้คุณค่าแห่งตนสูง ส่วนการมีความเห็นเกี่ยวกับตนในทางลบ เป็นการรู้คุณค่าแห่งตนต่ำ ซึ่งการรู้คุณค่าแห่งตนมีผลมาจากการประเมินตนเอง
นักจิตวิทยาต่างเห็นพ้องต้องกันว่า การรู้คุณค่าแห่งตน เป็นส่วนประกอบที่เกี่ยวกับอารมณ์และความคิดรวบยอดเกี่ยวกับตน และเป็นแกนนำที่แท้จริงของบุคลิกภาพของมนุษย์ การรู้คุณค่าแห่งตนเป็นส่วนประกอบที่สำคัญที่มีผลต่อการประพฤติปฏิบัติของมนุษย์
การรู้คุณค่าแห่งตนขึ้นอยู่กับภาพลักษณ์ที่อยู่ในใจของบุคคลนั้นๆ บุคคลที่มีภาพลักษณ์แห่งตนในเชิงบวก เป็นบุคคลที่ชอบและยอมรับตนเองอย่างแท้จริง จะแสดงออกถึงการรู้คุณค่าแห่งตนในเชิงบวกสูง และจะมีปฏิสัมพันธ์กับคนอื่นในเชิงสร้างสรรค์
นักจิตวิทยา ยังได้สรุปถึงการรู้คุณค่าแห่งตนว่า มีลักษณะดังนี้
1) การรู้คุณค่าแห่งตน สามารถเปลี่ยนแปรตามสถานการณ์ เหตุการณ์ สุขภาพ ฯลฯ
2) การณุ้คุณค่าแห่งตนเป็นส่วนผสมระหว่างความเชื่อมั่นภายในกับผลสัมฤทธิ์ภายนอก
3) การรู้คุณค่าแห่งตนเป็นสิ่งที่บุคคลสามารถเพิ่มได้และรักษาให้อยู่ในระดับสูงๆได้
4) การรู้คุณค่าแห่งตน มีผลกระทบมาจากประสบการณ์ในวัยเด็ก
5) ระดับการรู้คุณค่าแห่งตน จะสะท้อนจากการตัดสินใจของบุคคลนั่นเอง
6) ความเชื่อและค่านิยมบางอย่าง ทำให้ยากต่อการรักษาการรู้คุณค่าแห่งตนให้อยู่ในระดับสูงได้
เกี่ยวกับบุคลิกภาพ การรู้คุณค่าแห่งตนมีผลต่อบุคลิกภาพของบุคคล คนที่มีการรู้คุณค่าแห่งตนต่ำจะพยายามชดเชยความรู้สึกที่ว่าตนด้อยความสามารถ ด้วยการกระทำที่แสดงถึงการมีปมด้อยและปมเด่น การรู้คุณค่าแห่งตนต่ำ มีผลโดยตรงกับระดับสติปัญญา อารมณ์ การจูงใจ และพฤติกรรม จึงมีผลกระทบในเชิงลบต่อบุคลิกภาพของมนุษย์
นักจิตวิทยาส่วนมากเชื่อว่า การรู้คุณค่าแห่งตนต่ำเป็นปัจจัยสำคัญกว่าปัจจัยอื่นๆ ที่เป็นสาเหตุของความไร้ระเบียบ ไม่ยอมรับว่าตนเองมีคุณค่า จึงแสดงออกด้วยการคับข้องใจ และความรู้สึกที่ไม่ปลอดภัยในการมีปฏิสัมพันธ์กับคนอื่น
คนที่รู้คุณค่าแห่งตนต่ำ อาจทำให้ตนเองเล็กลงอย่างต่อเนื่อง แม้จะประสบความสำเร็จแล้วก็ตาม ในขณะที่คนรู้คุณค่าแห่งตนสูง อาจเปลี่ยนแปลงความล้มเหลวให้เป้นความสำเร็จในเวลาไม่นาน
บุคคลที่รู้คุณค่าแห่งตนต่ำ มีความโน้มเอียงที่จะเกิดความยุ่งยาก เช่น มีเอกลักษณ์ของตนไม่มั่นคง จะมีความทุกข์ อันเกิดจากอาการทางจิตใจในลักษณะต่างๆ เช่น วิตกกังวล กลัว นอนไม่หลับ ปวดหัว กัดเล็บใจสั่น ส่วนคนที่รู้คุณค่าแห่งตนสูงจะไม่มีความทุข์ยากจากอาการเหล่านี้
คนที่รู้คุณค่าแห่งตนต่ำ จะรู้สึกตื่นกลัว และรู้สึกไม่สบายเมื่ออยู่ในสังคม และจะทำทุกอย่างเพื่อหลีกเลี่ยงความอาย เป็นคนที่ต้องการการยอมรับอย่างมาก นอกจากนั้น คนที่รู้คุณค่าแห่งตนต่ำ มีแนวโน้มที่จะชักจูงได้ง่าย มีแนวโน้มที่จะพยายามทำอะไรเหมือนคนอื่น มีทัศนคติที่จะทำให้ตัวเองพ่ายแพ้ เกิดความรู้สึกไร้ค่า
คนที่มีการรู้คุณค่าแห่งตนสูงจะเรียนรู้ว่าอะไรสำคัญในชีวิต จะไม่รู้สึกไขว้เขวเพราะรู้สึกผิด กลัว หรือมีความสงสัยในตน(self-doubt) สามารถตัดสินใจได้โดยปราศจากการประนีประนอม ค่านิยม จริยธรรม และมีความรับผิดชอบต่อการกระทำของตน
ด้วยเหตุนี้ การรู้คุณค่าแห่งตนจึงได้รับการยอมรับว่า เป็นตัวกำหนดลักษณะที่คงที่ ไม่เปลี่ยนแปลง แต่จะแตกต่างไปตามความแตกต่างของการรู้คุณค่าแห่งตนของแต่ละคนทั้งในเชิงปริมาณและคุณภาพ
นอกจากนั้น การรู้คุณค่าแห่งตนจะเป็นตัวกำหนดในเรื่องต่อไปนี้ คือ การเลือกคู่ครอง การเลือกอาชีพ การเลือกเพื่อน การเลือกกิจกรรมในยามว่าง ทัศนคติที่มีต่อคนเองและคนรอบข้าง สมรรถนะในการเจริญเติบโตและการเรียนรู้ การกระทำแลปฏิกิริยาโต้ตอบ ความสุขหรือการขาดความสุข ความสัมพันธ์ในครอบคัว ความสัมพันธ์ในอาชีพ และความสัมพันธ์ทั้งหลายที่เกี่ยวกับการสวดมนต์อ้อนวอน การละเล่นและชมชน
จะเห็นว่า การรู้คุณค่าแห่งตนมีความสำคัญต่อความสำเร็จของชีวิตอย่างมาก จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องสร้่างและพัฒนา การรู้คุณค่าแห่งตนในเชิงบวกขึ้น ด้วยการปรับเปลี่ยนความคิดและความเชื่อที่มีต่อตนเองไปในทิศทางบวกอย่างจริงจัง มิฉะนั้นความสำเร็จในชีวิตจะเกิดขึ้นได้ยาก
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
สาระคิด
ความเจ็บป่วยทางจิตใจ เป็นอันตรายร้ายแรงกว่า ความเจ็บป่วยทางร่างกายมากนัก
ซิเซโร
*********************************************************************************
นักจิตวิทยาต่างเห็นพ้องต้องกันว่า การรู้คุณค่าแห่งตน เป็นส่วนประกอบที่เกี่ยวกับอารมณ์และความคิดรวบยอดเกี่ยวกับตน และเป็นแกนนำที่แท้จริงของบุคลิกภาพของมนุษย์ การรู้คุณค่าแห่งตนเป็นส่วนประกอบที่สำคัญที่มีผลต่อการประพฤติปฏิบัติของมนุษย์
การรู้คุณค่าแห่งตนขึ้นอยู่กับภาพลักษณ์ที่อยู่ในใจของบุคคลนั้นๆ บุคคลที่มีภาพลักษณ์แห่งตนในเชิงบวก เป็นบุคคลที่ชอบและยอมรับตนเองอย่างแท้จริง จะแสดงออกถึงการรู้คุณค่าแห่งตนในเชิงบวกสูง และจะมีปฏิสัมพันธ์กับคนอื่นในเชิงสร้างสรรค์
นักจิตวิทยา ยังได้สรุปถึงการรู้คุณค่าแห่งตนว่า มีลักษณะดังนี้
1) การรู้คุณค่าแห่งตน สามารถเปลี่ยนแปรตามสถานการณ์ เหตุการณ์ สุขภาพ ฯลฯ
2) การณุ้คุณค่าแห่งตนเป็นส่วนผสมระหว่างความเชื่อมั่นภายในกับผลสัมฤทธิ์ภายนอก
3) การรู้คุณค่าแห่งตนเป็นสิ่งที่บุคคลสามารถเพิ่มได้และรักษาให้อยู่ในระดับสูงๆได้
4) การรู้คุณค่าแห่งตน มีผลกระทบมาจากประสบการณ์ในวัยเด็ก
5) ระดับการรู้คุณค่าแห่งตน จะสะท้อนจากการตัดสินใจของบุคคลนั่นเอง
6) ความเชื่อและค่านิยมบางอย่าง ทำให้ยากต่อการรักษาการรู้คุณค่าแห่งตนให้อยู่ในระดับสูงได้
เกี่ยวกับบุคลิกภาพ การรู้คุณค่าแห่งตนมีผลต่อบุคลิกภาพของบุคคล คนที่มีการรู้คุณค่าแห่งตนต่ำจะพยายามชดเชยความรู้สึกที่ว่าตนด้อยความสามารถ ด้วยการกระทำที่แสดงถึงการมีปมด้อยและปมเด่น การรู้คุณค่าแห่งตนต่ำ มีผลโดยตรงกับระดับสติปัญญา อารมณ์ การจูงใจ และพฤติกรรม จึงมีผลกระทบในเชิงลบต่อบุคลิกภาพของมนุษย์
นักจิตวิทยาส่วนมากเชื่อว่า การรู้คุณค่าแห่งตนต่ำเป็นปัจจัยสำคัญกว่าปัจจัยอื่นๆ ที่เป็นสาเหตุของความไร้ระเบียบ ไม่ยอมรับว่าตนเองมีคุณค่า จึงแสดงออกด้วยการคับข้องใจ และความรู้สึกที่ไม่ปลอดภัยในการมีปฏิสัมพันธ์กับคนอื่น
คนที่รู้คุณค่าแห่งตนต่ำ อาจทำให้ตนเองเล็กลงอย่างต่อเนื่อง แม้จะประสบความสำเร็จแล้วก็ตาม ในขณะที่คนรู้คุณค่าแห่งตนสูง อาจเปลี่ยนแปลงความล้มเหลวให้เป้นความสำเร็จในเวลาไม่นาน
บุคคลที่รู้คุณค่าแห่งตนต่ำ มีความโน้มเอียงที่จะเกิดความยุ่งยาก เช่น มีเอกลักษณ์ของตนไม่มั่นคง จะมีความทุกข์ อันเกิดจากอาการทางจิตใจในลักษณะต่างๆ เช่น วิตกกังวล กลัว นอนไม่หลับ ปวดหัว กัดเล็บใจสั่น ส่วนคนที่รู้คุณค่าแห่งตนสูงจะไม่มีความทุข์ยากจากอาการเหล่านี้
คนที่รู้คุณค่าแห่งตนต่ำ จะรู้สึกตื่นกลัว และรู้สึกไม่สบายเมื่ออยู่ในสังคม และจะทำทุกอย่างเพื่อหลีกเลี่ยงความอาย เป็นคนที่ต้องการการยอมรับอย่างมาก นอกจากนั้น คนที่รู้คุณค่าแห่งตนต่ำ มีแนวโน้มที่จะชักจูงได้ง่าย มีแนวโน้มที่จะพยายามทำอะไรเหมือนคนอื่น มีทัศนคติที่จะทำให้ตัวเองพ่ายแพ้ เกิดความรู้สึกไร้ค่า
คนที่มีการรู้คุณค่าแห่งตนสูงจะเรียนรู้ว่าอะไรสำคัญในชีวิต จะไม่รู้สึกไขว้เขวเพราะรู้สึกผิด กลัว หรือมีความสงสัยในตน(self-doubt) สามารถตัดสินใจได้โดยปราศจากการประนีประนอม ค่านิยม จริยธรรม และมีความรับผิดชอบต่อการกระทำของตน
ด้วยเหตุนี้ การรู้คุณค่าแห่งตนจึงได้รับการยอมรับว่า เป็นตัวกำหนดลักษณะที่คงที่ ไม่เปลี่ยนแปลง แต่จะแตกต่างไปตามความแตกต่างของการรู้คุณค่าแห่งตนของแต่ละคนทั้งในเชิงปริมาณและคุณภาพ
นอกจากนั้น การรู้คุณค่าแห่งตนจะเป็นตัวกำหนดในเรื่องต่อไปนี้ คือ การเลือกคู่ครอง การเลือกอาชีพ การเลือกเพื่อน การเลือกกิจกรรมในยามว่าง ทัศนคติที่มีต่อคนเองและคนรอบข้าง สมรรถนะในการเจริญเติบโตและการเรียนรู้ การกระทำแลปฏิกิริยาโต้ตอบ ความสุขหรือการขาดความสุข ความสัมพันธ์ในครอบคัว ความสัมพันธ์ในอาชีพ และความสัมพันธ์ทั้งหลายที่เกี่ยวกับการสวดมนต์อ้อนวอน การละเล่นและชมชน
จะเห็นว่า การรู้คุณค่าแห่งตนมีความสำคัญต่อความสำเร็จของชีวิตอย่างมาก จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องสร้่างและพัฒนา การรู้คุณค่าแห่งตนในเชิงบวกขึ้น ด้วยการปรับเปลี่ยนความคิดและความเชื่อที่มีต่อตนเองไปในทิศทางบวกอย่างจริงจัง มิฉะนั้นความสำเร็จในชีวิตจะเกิดขึ้นได้ยาก
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
สาระคิด
ความเจ็บป่วยทางจิตใจ เป็นอันตรายร้ายแรงกว่า ความเจ็บป่วยทางร่างกายมากนัก
ซิเซโร
*********************************************************************************
วันอังคารที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2560
ภาพลักษณ์แห่งตนในเชิงบวก:นำสู่ชีวิตที่ดี
ภาพลักษณ์แห่งตน มีความสำคัญต่อการชี้นำบุคคลไปสู่ได้ทั้งความสำเร็จและความล้มเหลว ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับภาพลักษณ์แห่งตนที่บุคคลมองเห็นตัวเอง หากมองเห็นภาพลักษณ์แห่งตนในเชิงบวกจะชี้นำชีวิตไปสู่ความสำเร็จ แต่หากมองภาพลักษณ์แห่งตนในเชิงลบก็จะชี้นำชีวิตไปสู่ความล้มเหลวได้เช่นเดียวกัน
สำหรับภาพลักษณ์แห่งตนในเชิงบวกที่จะนำชีวิตแห่งตนไปสู่ความสำเร็จ มีชีวิตที่ดี มีลักษณะดังต่อไปนี้
1. ยอมรับตนเองตามที่เป็น การยอมรับตนเองอย่างไม่มีเงื่อนไข เป็นก้าวแรกของการสร้างภาพแห่งตนในเชิงบวก มนุษย์ทุกคนมีลักษณะร่วมกันอย่างหนึ่ีง คือ ไม่พอใจตนเอง คิดอยู่แต่สิ่งที่แก้ไขไม่ได้ คิดว่าตนเองจะต้องสมบูรณ์แบบ ซึ่งในความเป็นจริง ไม่มีใครสมบูรณ์แบบตามอุดมคติ การเริ่มต้นด้วยการยอมรับตนเองตามที่เป็นอยู่ จะช่วยให้สามารถพัฒนาตนเองต่อไปได้
2. มีความรู้สึกที่ดีต่อตนเองและไม่ตัดสินใจแทนคนอื่น บุคคลที่มีความรู้สึกที่ดีต่อตนเอง รู้ว่าการเอาตนเองไปเปรียบเทียบกับคนอื่นเป็นความสูญเปล่า คนที่ตัดสินใจแทนคนอื่น คือคนที่ไม่ยอมรับคนอื่น เป็นคนที่มีบุคลิกภาพไม่มั่นคง
3. มีความตั้งใจที่จะเสี่ยง ปกติบุคคลที่เปิดตัวเพื่อสร้างความสัมพันธ์ใหม่ๆ ต้องเสี่ยงกับความเจ็บปวด เพราะงานใหม่ สถานที่ใหม่ และสถานการณ์ใหม่ อาจทำให้เกิดอันตรายต่อความสุขและความปรารถนาส่วนบุคคลที่บุคคลนั้นมีอยู่ คนที่มีภาพลักษณ์แห่งตนในเชิงบวก จะต้องรู้จักชั่งน้ำหนักถึงความเป็นไปได้ การที่คิดจะไม่ทำอะไรเพื่อไม่ให้เกิดความผิดพลาด คือความผิดพลาดอันใหญ่หลวง
4. หาวิธีการในเชิงบวกเพื่อแสดงความเป็นตัวของตัวเอง คนที่ยอมรับตนเองและไม่กังวลว่า คนอื่นจะคิดถึงตนอย่างไร เขาจะแสดงถึงลักษณะและความรู้สึกภายในที่เป็นเอกภาพ คนที่มีภาพลักษณ์แห่งตนในเชิงบวก จะพอใจที่จะเป็นตัวของตัวเอง โดยไม่สนใจว่าคนอื่นจะคิดเกี่ยวกับตัวเขาอย่างไร
5. พึ่งตนและตัดสินใจด้วยตนเอง คนที่มีความรู้สึกที่ดีต่อคนเอง จะไม่ตำหนิคนอื่น กรณีแวดล้อม หรือระบบ แต่เขาจะมองตัวเองเพื่อหาคำตอบ เกี่ยวกับวิธีการที่จะเปลี่ยนแปลงไปสู่สิ่งที่ดีกว่า เขาจะไม่แสวงหาการตำหนิ แต่จะแสวงหาวิธีการที่จะดึงทรัพยากรภายในตนเพื่อการแก้ปัญหา เป็นคนไม่ชอบรับความช่วยเหลือจากคนอื่น แต่ชอบที่จะให้ จะไม่พูดถึงเสรีภาพ เพราะเขามีอิสระอยู่แล้ว
อย่างไรก็ตาม ภาพลักษณ์แห่งตนสามารถเปลี่ยนแปลงได้ สร้างขึ้นมาใหม่ได้ สำหรับการสร้างภาพลักษณ์แห่งตนในเชิงบวกจนเป็นทักษะ สามารถทำได้โดยมีขั้นตอนสรุปได้ดังนี้
1) ยกเลิกข้อมูลเก่าที่เป็นลบ
2) ทดแทนด้วยข้อมูลใหม่ที่เป็นบวก
3) ยอมรับภาพลักษณ์ใหม่ของตน
4) เน้นที่ภาพลักษณ์ที่นำไปสู่ความสำเร็จ
5) ฝึกตนเองให้มีทัศนคติและพฤติกรรมใหม่ตามภาพลักษณ์ที่สร้างขึ้นมา
เมื่อฝึกฝนตนเองตามขั้นตอนดังกล่าว จะช่วยให้เกิดภาพลักษณ์แห่งตนในเชิงบวก อันจะนำไปสู่การพัฒนาตนอย่างมีเป้าหมาย นำไปสู่ชีวิตที่ดีได้
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
สาระคิด
People are disturbed not by events,but by their view of those events.
Epictetus
*********************************************************************************
สำหรับภาพลักษณ์แห่งตนในเชิงบวกที่จะนำชีวิตแห่งตนไปสู่ความสำเร็จ มีชีวิตที่ดี มีลักษณะดังต่อไปนี้
1. ยอมรับตนเองตามที่เป็น การยอมรับตนเองอย่างไม่มีเงื่อนไข เป็นก้าวแรกของการสร้างภาพแห่งตนในเชิงบวก มนุษย์ทุกคนมีลักษณะร่วมกันอย่างหนึ่ีง คือ ไม่พอใจตนเอง คิดอยู่แต่สิ่งที่แก้ไขไม่ได้ คิดว่าตนเองจะต้องสมบูรณ์แบบ ซึ่งในความเป็นจริง ไม่มีใครสมบูรณ์แบบตามอุดมคติ การเริ่มต้นด้วยการยอมรับตนเองตามที่เป็นอยู่ จะช่วยให้สามารถพัฒนาตนเองต่อไปได้
2. มีความรู้สึกที่ดีต่อตนเองและไม่ตัดสินใจแทนคนอื่น บุคคลที่มีความรู้สึกที่ดีต่อตนเอง รู้ว่าการเอาตนเองไปเปรียบเทียบกับคนอื่นเป็นความสูญเปล่า คนที่ตัดสินใจแทนคนอื่น คือคนที่ไม่ยอมรับคนอื่น เป็นคนที่มีบุคลิกภาพไม่มั่นคง
3. มีความตั้งใจที่จะเสี่ยง ปกติบุคคลที่เปิดตัวเพื่อสร้างความสัมพันธ์ใหม่ๆ ต้องเสี่ยงกับความเจ็บปวด เพราะงานใหม่ สถานที่ใหม่ และสถานการณ์ใหม่ อาจทำให้เกิดอันตรายต่อความสุขและความปรารถนาส่วนบุคคลที่บุคคลนั้นมีอยู่ คนที่มีภาพลักษณ์แห่งตนในเชิงบวก จะต้องรู้จักชั่งน้ำหนักถึงความเป็นไปได้ การที่คิดจะไม่ทำอะไรเพื่อไม่ให้เกิดความผิดพลาด คือความผิดพลาดอันใหญ่หลวง
4. หาวิธีการในเชิงบวกเพื่อแสดงความเป็นตัวของตัวเอง คนที่ยอมรับตนเองและไม่กังวลว่า คนอื่นจะคิดถึงตนอย่างไร เขาจะแสดงถึงลักษณะและความรู้สึกภายในที่เป็นเอกภาพ คนที่มีภาพลักษณ์แห่งตนในเชิงบวก จะพอใจที่จะเป็นตัวของตัวเอง โดยไม่สนใจว่าคนอื่นจะคิดเกี่ยวกับตัวเขาอย่างไร
5. พึ่งตนและตัดสินใจด้วยตนเอง คนที่มีความรู้สึกที่ดีต่อคนเอง จะไม่ตำหนิคนอื่น กรณีแวดล้อม หรือระบบ แต่เขาจะมองตัวเองเพื่อหาคำตอบ เกี่ยวกับวิธีการที่จะเปลี่ยนแปลงไปสู่สิ่งที่ดีกว่า เขาจะไม่แสวงหาการตำหนิ แต่จะแสวงหาวิธีการที่จะดึงทรัพยากรภายในตนเพื่อการแก้ปัญหา เป็นคนไม่ชอบรับความช่วยเหลือจากคนอื่น แต่ชอบที่จะให้ จะไม่พูดถึงเสรีภาพ เพราะเขามีอิสระอยู่แล้ว
อย่างไรก็ตาม ภาพลักษณ์แห่งตนสามารถเปลี่ยนแปลงได้ สร้างขึ้นมาใหม่ได้ สำหรับการสร้างภาพลักษณ์แห่งตนในเชิงบวกจนเป็นทักษะ สามารถทำได้โดยมีขั้นตอนสรุปได้ดังนี้
1) ยกเลิกข้อมูลเก่าที่เป็นลบ
2) ทดแทนด้วยข้อมูลใหม่ที่เป็นบวก
3) ยอมรับภาพลักษณ์ใหม่ของตน
4) เน้นที่ภาพลักษณ์ที่นำไปสู่ความสำเร็จ
5) ฝึกตนเองให้มีทัศนคติและพฤติกรรมใหม่ตามภาพลักษณ์ที่สร้างขึ้นมา
เมื่อฝึกฝนตนเองตามขั้นตอนดังกล่าว จะช่วยให้เกิดภาพลักษณ์แห่งตนในเชิงบวก อันจะนำไปสู่การพัฒนาตนอย่างมีเป้าหมาย นำไปสู่ชีวิตที่ดีได้
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
สาระคิด
People are disturbed not by events,but by their view of those events.
Epictetus
*********************************************************************************
วันจันทร์ที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2560
ภาพลักษณ์แห่งตนในเชิงลบ:นำไปสู่ชีวิตที่ล้มเหลว
นักจิตวิทยาเชื่อว่า คนที่ล้มเหลวเกิดจากภาพลักษณ์แห่งตน ไม่ใช่เพราะขาดความรู้ความสามารถ ภาพลักษณ์แห่งตนที่เหมาะสมจึงเป็นที่ยอมรับในปัจจุบันว่า เป็นยุทธวิธีที่จำเป็นต่อการเพิ่มพลังอำนาจให้กับบุคคล และเป็นกำลังสำคัญที่นำไปสู่การแก้ไขความเจ็บป่ว่ยทางสังคม
การเสริมสร้างภาพลักษณ์แห่งตน เป็นความจำเป็นเบื้องต้น สำหรับเป้าหมายของความสำเร็จ แต่ภาพลักษณ์แห่งตนในเชิงลบ ทำให้ไม่สามารถสร้างเป้าหมายได้ ภาพลักษณ์แห่งตนในเชิงบวกเท่านั้น ที่จะสร้างเป้าหมายไปสู่ความสำเร็จได้ เพราะทำให้เกิดระบบชี้นำอัตโนมัติไปสู่ความสำเร็จ
สำหรับภาพลักษณ์แห่งตนมีลักษณะสำคัญดังนี้
1) ภาพลักษณ์แห่งตนในเชิงลบ ทำให้ระบบชี้นำอัตโนมัติไปสู่ความสำเร็จทำงานผิดพลาด
2) ภาพลักษณืแห่งตนเป็นสิ่งที่เรียนรู้ได้
3) ภาพลักษณ์แห่งตนในเชิงลบ สามารถลบออกได้ และเมื่อลบออกแล้ว สามารถสร้างขึ้นใหม่ เป็นภาพลักษณ์แห่งตนที่มีลักษณะเป็นบวกได้
นั่นคือ ภาพลักษณ์แห่งตน สามารถเปลี่ยนแปลงได้ สามารถสร้างขึ้นใหม่ได้ สร้างให้เป็นภาพลักษณ์แห่งตนในเชิงบวกได้
สำหรับผู้มีภาพลักษณ์แห่งตนในเชิงลบจะมีลักษณะดังต่อไปนี้
1. ยึดตนเองเป็นศูนย์ บุคคลที่คิดถึงแต่ปัญหาของตนเอง ความต้องการของตนเอง การร่วมมือกับคนอื่นเพื่อความสำเร็จ เกือบจะเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ เพราะเป็นควาสัมพันธ์ที่ก่อให้เกิดความคับข้องใจและความผิดหวัง คนที่คิดว่าตนเองเป็นคนสำคัญ จะเกิดความกดดันทางด้านจิตใจอย่างสม่ำเสมอ และในที่สุดคนที่ยึดตนเองเป็นศูนย์ จะมีความว้าเหว่และหมดหวัง ซึ่งเป็นแรงขับที่อาจทำให้เกิดการฆ่าตัวตายในที่สุด
2. มีความพอใจส่วนบุคคลและเป็นความพอใจที่คับแคบ บุคคลที่มีภาพลักษณ์แห่งตนเป็นลบ จะมีความพอใจส่วนบุคคลที่คับแคบ ไม่ชอบการเปลี่ยนงานหรือเปลี่ยนความสัมพันธ์ เพราะทำให้ต้องเสี่ยง ซึ่งบุคคลที่มีภาพลักษณ์แห่งตนเป็นลบ ไม่ต้องการที่จะเสี่ยงหรือต้องการความเจ็บปวด เขาจะเป็นเท่าที่เขาจะเป็นได้
3. ดูถูกคนอื่น คนที่ดูถูกคนอื่น เป็นคนที่ไม่คิดถึงตนเองในเชิงบวก เป็นคนที่พยายามทำให้ตนเองสูงขึ้นด้วยการดึงคนอื่นให้ต่ำลง ซึ่งนับว่าเป็นการกระทำที่ผิดพลาดมาก
ภาพลักษณ์แห่งตนในเชิงลบดังกล่าว ทำให้บุคคลมี ความคับข้องใจ ความก้าวร้าว ความรู้สึกไม่มั่นคงปลอดภัย ความว้าเหว่ ความไม่สม่ำเสมอ ความขุ่นเคือง และความว่างเปล่า ซึ่งเป็นลักษณะของคนที่นำชีวิตไปสู่ความล้มเหลว
ดังนั้น หากบุคคลใดเมื่อดูตัวเองแล้ว พบว่ามีภาพลักษณ์แห่งตนในเชิงลบดังกล่าว จะต้องรีบแก้ไข เปลี่ยนแปลง ให้เป็นภาพลักษณ์แห่งตนในเชิงบวก มิฉะนั้นความล้มเหลวในชีวิตจะตามมา
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
สาระคิด
มนุษย์เหมือนจักรยาน จะรักษาดุลยภาพไว้ได้ ก็ต่อเมื่อจักรยานเคลื่อนไปข้างหน้า
การพยายามรักษาดุลยภาพโดยให้จักรยานจอดนิ่งๆอยู่กับที่ จักรยานจะลื่นและล้มในที่สุด
Maxwell Maltz
*********************************************************************************
การเสริมสร้างภาพลักษณ์แห่งตน เป็นความจำเป็นเบื้องต้น สำหรับเป้าหมายของความสำเร็จ แต่ภาพลักษณ์แห่งตนในเชิงลบ ทำให้ไม่สามารถสร้างเป้าหมายได้ ภาพลักษณ์แห่งตนในเชิงบวกเท่านั้น ที่จะสร้างเป้าหมายไปสู่ความสำเร็จได้ เพราะทำให้เกิดระบบชี้นำอัตโนมัติไปสู่ความสำเร็จ
สำหรับภาพลักษณ์แห่งตนมีลักษณะสำคัญดังนี้
1) ภาพลักษณ์แห่งตนในเชิงลบ ทำให้ระบบชี้นำอัตโนมัติไปสู่ความสำเร็จทำงานผิดพลาด
2) ภาพลักษณืแห่งตนเป็นสิ่งที่เรียนรู้ได้
3) ภาพลักษณ์แห่งตนในเชิงลบ สามารถลบออกได้ และเมื่อลบออกแล้ว สามารถสร้างขึ้นใหม่ เป็นภาพลักษณ์แห่งตนที่มีลักษณะเป็นบวกได้
นั่นคือ ภาพลักษณ์แห่งตน สามารถเปลี่ยนแปลงได้ สามารถสร้างขึ้นใหม่ได้ สร้างให้เป็นภาพลักษณ์แห่งตนในเชิงบวกได้
สำหรับผู้มีภาพลักษณ์แห่งตนในเชิงลบจะมีลักษณะดังต่อไปนี้
1. ยึดตนเองเป็นศูนย์ บุคคลที่คิดถึงแต่ปัญหาของตนเอง ความต้องการของตนเอง การร่วมมือกับคนอื่นเพื่อความสำเร็จ เกือบจะเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ เพราะเป็นควาสัมพันธ์ที่ก่อให้เกิดความคับข้องใจและความผิดหวัง คนที่คิดว่าตนเองเป็นคนสำคัญ จะเกิดความกดดันทางด้านจิตใจอย่างสม่ำเสมอ และในที่สุดคนที่ยึดตนเองเป็นศูนย์ จะมีความว้าเหว่และหมดหวัง ซึ่งเป็นแรงขับที่อาจทำให้เกิดการฆ่าตัวตายในที่สุด
2. มีความพอใจส่วนบุคคลและเป็นความพอใจที่คับแคบ บุคคลที่มีภาพลักษณ์แห่งตนเป็นลบ จะมีความพอใจส่วนบุคคลที่คับแคบ ไม่ชอบการเปลี่ยนงานหรือเปลี่ยนความสัมพันธ์ เพราะทำให้ต้องเสี่ยง ซึ่งบุคคลที่มีภาพลักษณ์แห่งตนเป็นลบ ไม่ต้องการที่จะเสี่ยงหรือต้องการความเจ็บปวด เขาจะเป็นเท่าที่เขาจะเป็นได้
3. ดูถูกคนอื่น คนที่ดูถูกคนอื่น เป็นคนที่ไม่คิดถึงตนเองในเชิงบวก เป็นคนที่พยายามทำให้ตนเองสูงขึ้นด้วยการดึงคนอื่นให้ต่ำลง ซึ่งนับว่าเป็นการกระทำที่ผิดพลาดมาก
ภาพลักษณ์แห่งตนในเชิงลบดังกล่าว ทำให้บุคคลมี ความคับข้องใจ ความก้าวร้าว ความรู้สึกไม่มั่นคงปลอดภัย ความว้าเหว่ ความไม่สม่ำเสมอ ความขุ่นเคือง และความว่างเปล่า ซึ่งเป็นลักษณะของคนที่นำชีวิตไปสู่ความล้มเหลว
ดังนั้น หากบุคคลใดเมื่อดูตัวเองแล้ว พบว่ามีภาพลักษณ์แห่งตนในเชิงลบดังกล่าว จะต้องรีบแก้ไข เปลี่ยนแปลง ให้เป็นภาพลักษณ์แห่งตนในเชิงบวก มิฉะนั้นความล้มเหลวในชีวิตจะตามมา
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
สาระคิด
มนุษย์เหมือนจักรยาน จะรักษาดุลยภาพไว้ได้ ก็ต่อเมื่อจักรยานเคลื่อนไปข้างหน้า
การพยายามรักษาดุลยภาพโดยให้จักรยานจอดนิ่งๆอยู่กับที่ จักรยานจะลื่นและล้มในที่สุด
Maxwell Maltz
*********************************************************************************
วันอังคารที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2560
ภาพลักษณ์แห่งตนกับความสำเร็จในชีวิต
ภาพลักษณ์แห่งตน (self image) คือ ระบบความเชื่อที่บุคคลมีต่อตนเอง เป็นสิ่งที่บุคคลมองเห็นเมื่อบุคคลมองที่ตนเอง มองเห็นว่าตนเองเป็นคนอย่างไร มีทั้งลักษณะทางร่างกายและจิตใจ มีทั้งความสามารถและไม่มีความสามารถ มีทั้งเข้มแข็งและอ่อนแอ มีทั้งบวกและลบ เป็นทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตที่เกี่ยวกับทัศนคติและความเชื่อเกี่ยวกับตน
แมกเวลส์ มอลท์ซ (Maxwell Maltz) ผู้ให้กำเนิดจิตวิทยาไซเบอร์เนติคส์ (psycho-cybernetics) เชื่อว่า ภาพลักษณ์แห่งตน มีความสำคัญต่อการชี้นำบุคคลไปสู่ความสำเร็จหรือความล้มเหลว เช่นเดียวกับระบบชี้นำเครื่องบินที่ทำการบินอัตโนมัติ
พฤติกรรมทั้งหมด การกระทำทั้งหมด ความรู้สึกทั้งหมด สมรรถนะของมนุษย์ทั้งหมด จะถูกกำหนดโดยภาพลักษณ์แห่งตน บุคคลไม่สามารถเปลี่ยนพฤติกรรมได้ ถ้าไม่สามารถเปลี่ยนภาพลักษณ์แห่งตน
ภาพลักษณ์แห่งตน ใช้ทำนายพฤติกรรมได้ถูกต้องกว่าระดับสติปัญญา บุคคลจะกระทำ จะรู้สึก และมีพฤติกรรมในลักษณะใด ขึ้นอยู่กับภาพลักษณ์แห่งตน
การสร้างภาพลักษร์แห่งตนที่เหมาะสม จึงเป็นยุทธวิธีที่จำเป็นต่อการเพิ่มพลังอำนาจให้กับบุคคล ซึ่งจะนำไปสู่การมีชีวิตที่ดีกว่า นำชีวิตไปสู่เป้าหมายที่ต้องการได้
ปกติบุคคลสามารถมองเห็นภาพตัวเองได้ทั้งทางบวกและทางลบ ในทางบวก เช่น มองว่าตนเองเป็นคนมีค่า มีศักดิ์ศรี ส่วนในทางลบ เช่น มองว่าตัวเองต่ำต้อย ไร้ศักดิศรี เป็นต้น การจะมองเห็นในลักษณะใดนั้นล้วนมีผลต่อพฤติกรรมของบุคคลนั้น
บคคลที่มีภาพลักษณ์แห่งตนในเชิงบวก เป็นบุคคลที่ชอบและยอมรับตนเองอย่างแท้จริง จะแสดงออกถึงการรู้คุณค่าแห่งตนในเชิงบวกสูง และจะมีปฏิสัมพันธ์กับคนอื่นในเชิงสร้างสรรคฺ์
เมื่อบุคคลมีภาพลักษณ์แห่งตนเป็นบวก จะมีผลทำให้บุคคลมีลักษณะดังนี้
1. มีคุณค่า มีหลักการ และมีความมั่นคงเพียงพอ แต่สามารถปรับเปลี่ยนได้เมื่อจำเป็น
2. สามารถตัดสินใจด้วยตนเองได้ดีที่สุด แม้ว่าคนอื่นจะไม่เห็นด้วย
3. ไม่วิตกเกี่ยวกับอนาคต หรือคิดถึงความผิดพลาดในอดีตมากนัก
4. รู้สึกมั่นใจในความสามารถของตนที่จะจัดการกับปัญหา
5. รู้สึกเท่าเทียมกับคนอื่น โดยไม่รู้สึกว่าเด่นกว่าหรือด้อยกว่า
6. รู้สึกว่าเป็นบุคคลที่น่าสนใจและมีคุณค่า
7. สามารถรับได้ทั้ง การยกย่องชมเชย การถูกวิพากษ์วิจารณ์ โดยปราศจากการมีอารมณ์
8. ต่อต้านความพยายามของคนอื่น ที่พยายามจะมีอำนาจเหนือตน
9. มีประสบการณ์เกี่ยวกับความรู้สึกหลายอย่าง โดยที่ไม่แสดงความรู้สึกนั้นออกมา
10. พอใจกับกิจกรรมอันหลากหลาย เช่น การทำงาน การเล่น การแสดงออกในเชิงสร้างสรรค์ ฯลฯ
นั่นคือ หากบุคคลต้องการที่จะประสบความสำเร็จในชีวิต จะต้องสร้างภาพลักษณ์แห่งตนในเชิงบวก ด้วยการปรับเปลี่ยนวิธีคิด ทัศนคติ และความเชื่อ ที่มีต่อตนเองเสียใหม่ ปรับเปลี่ยนไปในทิศทางบวก เพื่อเสริมสร้าง ศักยภาพ สมรรถนะ ความสามารถ และ ความเข้มแข็งยิ่งขึ้น แล้วชีวิตจะประสบกับความสำเร็จ
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
สาระคิด
There is nothing good or bad, but thinking makes it so.
Shakespeare
*********************************************************************************
แมกเวลส์ มอลท์ซ (Maxwell Maltz) ผู้ให้กำเนิดจิตวิทยาไซเบอร์เนติคส์ (psycho-cybernetics) เชื่อว่า ภาพลักษณ์แห่งตน มีความสำคัญต่อการชี้นำบุคคลไปสู่ความสำเร็จหรือความล้มเหลว เช่นเดียวกับระบบชี้นำเครื่องบินที่ทำการบินอัตโนมัติ
พฤติกรรมทั้งหมด การกระทำทั้งหมด ความรู้สึกทั้งหมด สมรรถนะของมนุษย์ทั้งหมด จะถูกกำหนดโดยภาพลักษณ์แห่งตน บุคคลไม่สามารถเปลี่ยนพฤติกรรมได้ ถ้าไม่สามารถเปลี่ยนภาพลักษณ์แห่งตน
ภาพลักษณ์แห่งตน ใช้ทำนายพฤติกรรมได้ถูกต้องกว่าระดับสติปัญญา บุคคลจะกระทำ จะรู้สึก และมีพฤติกรรมในลักษณะใด ขึ้นอยู่กับภาพลักษณ์แห่งตน
การสร้างภาพลักษร์แห่งตนที่เหมาะสม จึงเป็นยุทธวิธีที่จำเป็นต่อการเพิ่มพลังอำนาจให้กับบุคคล ซึ่งจะนำไปสู่การมีชีวิตที่ดีกว่า นำชีวิตไปสู่เป้าหมายที่ต้องการได้
ปกติบุคคลสามารถมองเห็นภาพตัวเองได้ทั้งทางบวกและทางลบ ในทางบวก เช่น มองว่าตนเองเป็นคนมีค่า มีศักดิ์ศรี ส่วนในทางลบ เช่น มองว่าตัวเองต่ำต้อย ไร้ศักดิศรี เป็นต้น การจะมองเห็นในลักษณะใดนั้นล้วนมีผลต่อพฤติกรรมของบุคคลนั้น
บคคลที่มีภาพลักษณ์แห่งตนในเชิงบวก เป็นบุคคลที่ชอบและยอมรับตนเองอย่างแท้จริง จะแสดงออกถึงการรู้คุณค่าแห่งตนในเชิงบวกสูง และจะมีปฏิสัมพันธ์กับคนอื่นในเชิงสร้างสรรคฺ์
เมื่อบุคคลมีภาพลักษณ์แห่งตนเป็นบวก จะมีผลทำให้บุคคลมีลักษณะดังนี้
1. มีคุณค่า มีหลักการ และมีความมั่นคงเพียงพอ แต่สามารถปรับเปลี่ยนได้เมื่อจำเป็น
2. สามารถตัดสินใจด้วยตนเองได้ดีที่สุด แม้ว่าคนอื่นจะไม่เห็นด้วย
3. ไม่วิตกเกี่ยวกับอนาคต หรือคิดถึงความผิดพลาดในอดีตมากนัก
4. รู้สึกมั่นใจในความสามารถของตนที่จะจัดการกับปัญหา
5. รู้สึกเท่าเทียมกับคนอื่น โดยไม่รู้สึกว่าเด่นกว่าหรือด้อยกว่า
6. รู้สึกว่าเป็นบุคคลที่น่าสนใจและมีคุณค่า
7. สามารถรับได้ทั้ง การยกย่องชมเชย การถูกวิพากษ์วิจารณ์ โดยปราศจากการมีอารมณ์
8. ต่อต้านความพยายามของคนอื่น ที่พยายามจะมีอำนาจเหนือตน
9. มีประสบการณ์เกี่ยวกับความรู้สึกหลายอย่าง โดยที่ไม่แสดงความรู้สึกนั้นออกมา
10. พอใจกับกิจกรรมอันหลากหลาย เช่น การทำงาน การเล่น การแสดงออกในเชิงสร้างสรรค์ ฯลฯ
นั่นคือ หากบุคคลต้องการที่จะประสบความสำเร็จในชีวิต จะต้องสร้างภาพลักษณ์แห่งตนในเชิงบวก ด้วยการปรับเปลี่ยนวิธีคิด ทัศนคติ และความเชื่อ ที่มีต่อตนเองเสียใหม่ ปรับเปลี่ยนไปในทิศทางบวก เพื่อเสริมสร้าง ศักยภาพ สมรรถนะ ความสามารถ และ ความเข้มแข็งยิ่งขึ้น แล้วชีวิตจะประสบกับความสำเร็จ
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
สาระคิด
There is nothing good or bad, but thinking makes it so.
Shakespeare
*********************************************************************************
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)