หากจะย้อนกลับไปดูการศึกษาที่ผ่านมา ดูการเรียนการสอนในระบบโรงเรียน ซึ่งเป็นแหล่งที่ก่อให้เกิดการเรียนรู้ที่สำคัญของสังคมไทย จะพบว่ามีวิธีเรียนที่สำคัญ คือ ฟัง สังเกต จด ท่องจำ และสอบ ในการสอบนักเรียนจะต้องตอบให้ตรงกับที่ครูสอน ส่วนกิจกรรมการสอนของครู คือบอกและอบรมความประพฤติเป็นสำคัญ
ครูเป็นผู้ชี้ผิดชี้ถูก ถ้าชี้ผิดเป็นผิดก็ดีไป แต่ถ้าชี้ผิดเป็นถูก นี่สิ นับว่าเป็นอันตรายอย่างยิ่ง
ผลที่ได้จากวิธีเรียนแบบนี้ คือผู้เรียนจะต้องจำสิ่งที่ครูสอนให้ได้ ไม่กระตือรือร้นที่จะศึกษาค้นคว้าด้วยตนเอง จึงทำให้เกิดลักษณะที่ยึดและเชื่อในตัวบุคคลมากกว่าหลักการและข้อเท็จจริง คิดเองไม่เป็น ต้องมีคนอื่นช่วยบอกช่วยชี้แนะ
ผลที่ตามมาคือคนไทยจะรับกระแสต่างๆได้ง่าย แต่ไม่ค่อยจะลึกซึ้งกับสิ่งที่รับนั้น เพราะไม่ได้คิดเอง
และเป็นที่น่าสังเกตว่าสังคมไทย มีนักคิดเพียงไม่กี่คน คิดได้ทุกเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับเศรษฐกิจ การเมือง สังคมหรือวัฒนธรรม คนเหล่านี้ชี้นำสังคมไทยมาตลอด ผิดบ้างถูกบ้าง แต่คนไทยก็ยังเชื่อถือและยอมรับ
ในการประชุมสัมมนาครั้งสำคัญๆ จะปรากฎชื่อนักคิดเหล่านี้เป็นผู้ร่วมอภิปรายอยู่เสมอ อาจจะเป็นที่ยอมรับเพราะท่านคิดถูกมากกว่าผิด หรืออาจจะยอมรับเพราะไม่ต้องคิดเองให้เปลืองสมอง ซึ่งประเด็นนี้ยังไม่มีข้อสรุปที่ชัดเจน
ถ้าหากคนไทยทุกคนช่วยกันคิด คิดอย่างเป็นวิทยาศาสตร์ มีข้อมูลที่ชัดเจน ก็เป็นที่แน่นอนว่า ปัญหาของสังคมไทยจะลดลง
----------------------------------------------
สาระคิด
อย่าถามเด็ดขาดว่า ทำไมชีวิตเมื่อก่อนดีกว่าปัจจุบันนี้ เพราะคุณไม่ได้ใช้สติปัญญาของคุณในการถามเลย
Ecclesiastes 7:10
-----------------------------------------------------------
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น