ตอนก่อนได้กล่าวถึงคุณสมบัติที่วุฒิสมาชิกพึงมี เป็นคุณสมบัติที่ขยายความจากบทบัญญัติรัฐธรรมนูญปี 2550 ที่พยายามจะแก้พฤติกรรมของวุฒิสมาชิกที่มาจากการเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญปี 2540
กล่าวคือ ด้วยพฤติกรรมของวุฒิสมาชิกที่มาจากการเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญ ปี 2540ที่ผ่านมา ทำให้วุฒิสภาสมัยนั้น ถูกตั้งฉายาในลักษณะที่ไม่น่าจะเกิดกับวุฒิสภา ซึ่งเป็นสภาของผู้มีวุฒิภาวะ หรือสภาของผู้ใหญ่
ฉายาที่มีการตั้งให้วุฒิสภา ก็มี "สภาผัวเมียหรือสภาเครือญาติ" สภาทาส" และ "สภาผู้แทนสาขา 2"
เหตุที่ได้รับฉายาดังกล่าว ก็เริ่มมาตั้งแต่การเลือกตั้ง โดยผู้สมัครใช้ทุน ใช้ฐานเสียง ใช้หัวคะแนนของพรรคการเมือง นอกจากนั้น หากลูกเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรก็ให้พ่อสมัครสมาชิกวุฒิสภา หรือถ้าเมียเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ก็ให้ผัวสมัครสมาชิกวุฒิสภา อะไรทำนองนี้
เมื่อใช้ผู้สมัคร ใช้ทุน ใช้ฐานเสียงเดียวกันกับพรรคการเมือง จึงต้องทำตามพรรคการเมืองทีี่สังกัดโดยพฤตินัยแม้กฎหมายจะห้ามไว้ก็ตาม วุฒิสภาจึงกลายเป็น "สภาทาส" "สภาผู้แทนสาขา 2"
และที่เลวร้ายกว่านั้น เมื่อได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกวุฒิสภาแล้ว บางคนยังขายตัว และรับเงินเดือนประจำจากพรรคการเมืองอีกต่างหาก
ด้วยเหตุปัจจัยดังกล่าว ทำให้พรรคการเมืองที่เป็นแกนนำรัฐบาล เข้าไปแทรกแซงและครอบงำการเลือกประธานและรองประธานวุฒิสภา ประธานกรรมาธิการวุฒิสภา จนเป็นที่รู้กันว่า มีสมาชิกวุฒิสภาที่ฝักใฝ่และพร้อมที่จะรับใบสั่งจากรัฐบาล จนเสียความเป็นกลางทางการเมืองไป
การลงมติเลือกบุคคลเข้าดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ ก็มักจะเลือกตามโผตามที่รัฐบาลสั่งการอย่างลับๆ ผลที่ตามมาองค์การอิสระก็ไม่อิสระ แม้จะมีนักการเมืองจะสารภาพว่า "บกพร่องโดยสุจริต" องค์กรอิสระสมัยนั้น ก็ยังตัดสินว่าไม่มีความผิด
และหากย้อนกลับไปดู การทำงานของสมาชิกเหล่านั้น จะพบว่า มีสมาชิกวุฒิสภาบางคนปกป้องรัฐบาลอย่างออกหน้าออกตา สมาชิบางคนออกมาวิจารณ์การวินิจฉัยของคณะกรรมการป้องกันและปราบรามการทุจริตแห่งชาติ กรณีการปกปิดการถือหุ้นของ พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร จนเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง
ด้วยเหตุของพฤติกรรมของวุฒิสมาชิกที่มาจาการเลือกตั้งดังกล่าว เมื่อมีการเสนอให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้สมาชิกวุฒิสภาทุกคนต้องมาจากการเลือกตั้ง ก็ได้รับการคัดค้านจากหลายฝ่ายที่รู้ถึงพฤติกรรมของวุฒิสมาชิกเหล่านั้น แม้ว่าการได้มาของสมาชิกวุฒิสภาโดยการเลือกตั้งจะเป็นไปตามวิถีทางประชาธิปไตยก็ตาม
จึงเห็นว่า ถ้าการได้มาโดยวิธีการเลือกตั้งทำให้วุฒิสมาชิกมีพฤติกรรมในลักษณะดังกล่าวอีก คิดว่าไม่มีวุฒิสมาชิกน่าจะดีกว่า เพราะนอกจากประเทศชาติจะไม่ได้ประโยชน์แล้ว ยังทำให้เสียงบประมาณจ่ายเงินเดือนให้สมาชิกวุฒิสภาโดยไม่จำเป็นอีกด้วย
---------------------------------------
สาระคิด
ถ้าต้องการให้การปฏิรูปทางการเมืองประสบความสำเร็จ นักการเมืองจะต้องเริ่มด้วยการปฏิรูปตนเอง
------------------------
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น