วันจันทร์ที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2560

ความเป็นมาของการพัฒนา

การพัฒนานั้นไม่ได้เกิดขึ้นโดยอิสระ ทันทีทันใด แต่การพัฒนาได้มีวิวัฒนาการมาเป็นเวลานาน ซึ่งสามารถจำแนกรูปแบบและช่วงเวลาของการพัฒนาออกได้เป็น 3 ระยะด้วยกัน คือ

ระยะแรกของการพัฒนา ระยะนี้ เริ่มตั้งแต่มนุษย์รู้จักการเพาะปลูกเพื่อการยังชีพจนถึงก่อนการปฏิวัติอุตสาหกรรมในยุโรป การดำรงชีพของมนุษย์ในช่วงนี้มีลักษณะเรียบง่าย สะดวกสบาย มีความเป็นอยู่แบบพอกินพอใช้ พึ่งตนเอง ใช้เทคโนโลยีพื้นบ้านแบบง่ายๆ  ตามความเหมาะสม และความจำเป็นของแต่ละท้องถิ่น การพัฒนาในช่วงนี้มุ่งเน้นการพึ่งตนเอง ที่สามารถสนองความจำเป็นของตนเองหรือท้องถิ่นได้ ระบบสังคมเป็นทั้งผู้ผลิตและผู้บริโภค ระบบตลาดยังไม่มี หรือถ้ามีก็มีอิทธิพลน้อยมาก สังคมสมัยนั้นเป็นสังคมปิด มีความผูกพันเสมือนครอบครัวใหญ่ ระบบข้าราชการเป็นแบบเจ้าขุนมูลนาย ข้าราชการถือว่าตนเองเป็นนาย การดำรงชีพของประชาชนขึ้นอยู่กับธรรมชาติ เคยชินกับการรอคอยจากธรรมชาติและรัฐ

ระยะที่สองของการพัฒนา ระยะนี้ เริ่มตั้งแต่การปฏิวัติอุตสาหกรรมในยุโรป เกิดขึ้นในคริสต์ศตวรรษที่ 18 นับตั้งแต่เริ่มการนำเครื่ิองจักรกลเข้ามาใช้ประโยชน์ในการผลิต การใช้เครื่องจักกลแทนแรงงานมนุษย์ ทำให้การผลิตมีประสิทธิภาพ มีผลผลิตเพิ่มขึ้น มีการแข่งขัน สังคมกลายเป็นสังคมเปิด มีการใช้กฎระเบียบควบคุมความประพฤติของคนในสังคมแทนจารีตประเพณี ประชาชนถูกแบ่งเป็นผู้ผลิตและผู้บริโภค มีการแบ่งงานกันทำตามความถนัดและความสามารถอย่างชัดเจน สังคมและการผลิตมีระบบมากขึ้น ทำให้การพัฒนาประเทศในทวีปยุโรปเป็นไปอย่างรวดเร็ว  ความสำเร็จของการพัฒนาประเทศในยุโรป ทำให้ประเทศอื่นๆที่ล้าหลังมีแรงจูงใจที่จะเร่งรัดการพัฒนาประเทศของตนบ้าง

ระยะที่สามของการพัฒนา ระยะนี้ เป็นระยะการพัฒนาที่กำลังเป็นอยู่ในปัจจุบัน และดำเนินต่อไปในอนาคต เป็นยุคของการพัฒนาที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง มีการเปลี่ยนแปลงพัฒนาเทคโนโลยีอย่างรวดเร็ว ได้นำเครื่องจักรกลมาใช้อย่างกว้างขวาง มีการใช้พลังงานกันอย่างฟุ่มเฟือย ประเทศที่พัฒนาแล้วไม่สามารถใช้อิทธิพลทางการเมืองหรือการทหารเข้าไปช่วงชิงผลประโยชน์ เอารัดเอาเปรียบประเทศด้อยพัฒนาได้อีกต่อไป ทำให้ประเทศพัฒนาเริ่มหายุทธวิธีหรือแนวทางพัฒนาใหม่ๆ  องค์การระหว่างประเทศ ที่เคยอยู่ใต้อิทธิพลของประเทศพัฒนาทั้งหลายได้เปลี่ยนแนวทางและวิธีการ เพื่อตอบสนองประเทศด้อยพัฒนามากขึ้น

จุดเริ่มต้นของการพัฒนาของระยะที่สาม เกิดขึ้นตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 ยุติลง สงครามทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงตามมามากมาย ประการแรก สงครามทำให้ฐานะทางเศรษฐหกิจและสังคมของประเทศในยุโรปตกต่ำอย่างมาก ทำให้สหรัฐอเมริกาขึ้นมามีอิทธิพลทางเศรษฐกิจ และการทหารแทนมหาอำนาจในอดีต และต่อต้านอิทธิพลของรัสเซีย ด้วยการช่วยเหลือประเทศในยุโรปตะวันตกบูรณะประเทศฟื้นฟูเศรษฐกิจอย่างเต็มที่ การเปลี่ยนแปลงอีกประการหนึ่ง ที่เกิดขึ้นหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 คือ การทีอาณานิคมต่างๆได้เปลี่ยนแปลงเป็นประเทศเอกราช ประเทศเหล่านั้น ได้รับความสนใจอย่างมากจากทั้งสหรัฐอเมริการและรัสเซียที่พยายามแผ่อิทธิพลเข้ามา โดยเฉพาะสหรัฐอเมริกามีความสนใจมากเป็นพิเศษ เพราะเกรงว่าประเทศเหล่านั้น จะฝักใฝ่ในลัทธิคอมมิวนิสต์ จึงให้ความช่วยเหลือในรูปแบบต่างๆ ส่วนประเทศเอกราชใหม่เหล่านั้น ก็พยายามช่วยเหลือตนเอง ด้วยการพัฒนาตนเองในรูปแบบและวิธีการต่างๆ  รวมทั้งการลอกเลียนประเทศที่พัฒนาแล้ว ซึ่งบ้างก็ประสบความสำเร็จ บ้างก็ประสบความล้มเหลว เกิดปัญหาใหม่ๆตามมามากมาย

จะเห็นว่า การพัฒนามีการเปลี่ยนแปลงตามเป้าหมายของแต่ละสังคมมาเป็นเวลานาน จนกระทั่งมีนักวิชาการสาขาต่างๆ  ตลอดจนองค์กรระหว่างประเทศให้ความสนใจ และได้ให้นิยามและกำหนดตัวชี้วัดการพัฒนาขึ้น ทำให้เกิดมีประเทศด้อยพัฒนา และประเทศกำลังพัฒนา ดังที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบัน 
--------------------------------------------------------------------------------------------------

                                                      สาระคิด

การจะดูว่าประเทศใดพัฒนาหรือไม่เพียงใดให้ดูจาก ประเทศนั้นจัดการกับความยากจนอย่างไร ประเทศนั้นจัดการกับการว่างงานอย่างไร และประเทศนั้นได้จัดการกับความไม่เท่าเทียมกันอย่างไร

                                                                      Dudley Seers

*****************************************************************

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น