วันพฤหัสบดีที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2556

คอร์รัปชั่น:พฤติกรรมผู้มีอำนาจหน้าที่

ตอนก่อนกล่าวถึงความหมายของคำว่า "คอร์รัปชั่น" ซึ่งตรงกับคำไทบว่า "ฉ้อราษฎร์บังหลวง" แต่ทุกวันนี้อาจต้องเพิ่มคำว่า"ฉ้อหลวงบังราษฎร์" เพราะมีพฤติกรรมในลักษณะดังกล่าวเพิ่มมากขึ้น และบุคคลที่สามารถคอร์รัปชั่นนั้น  มีทั้งข้าราชการและนักการเมืองผู้มีอำนาจหน้าที่  ผลจากการคอร์รัปชั่นอาจจะได้เป็นเงินทองหรือผลตอบแทนอย่างอื่น

คอร์รัปชั่นในบ้านเมืองเรามีอยู่ในทุกวงการ  มีทั้งวงการเมือง ทหาร การศึกษา ไม่เว้นแม้แต่วงการศานา ปีหนึีงรัฐต้องเสียเงินรายได้จำนวนมาก  ไปกับการคอร์รัปชั่นของข้าราชการและนักการเมือง
  
พฤติกรรมคอร์รัปชั่นเท่าที่รับรู้ทั่วไป  ผู้มีอำนาจหน้าที่จะมีพฤติกรรมที่แสดงออกมาในลักษณะต่างๆกัน กล่าวคือ

ฝ่าฝืน หลีกเลี่ยง หรือบิดเบือนระเบียบแบบแผนหรือกฎข้อบังคับ  การคอร์รัปชั่นในลักษณะนี้ เป็นการคอร์รัปชั่น โดยผู้มีอำนาจหน้าที่ไม่ปฏิบัติตามระเบียบที่วางไว้ โดยอาศัยช่องโหว่ของกฎหมาย  หรือจงใจที่จะช่วยเหลือบุคคลให้ฝ่าฝืนหรือไม่ต้องทำตามระเบียบข้อบังคับ ตัวอย่างของการคอร์รัปชั่นในลักษณะนี้ เช่น การประเมินภาษีอากรให้ต่ำกว่าความเป็นจริง  ยอมให้รถบรรทุกน้ำหนักเกินวิ่งไปบนถนนได้  เป็นต้น

จูงใจ เรียกร้อง  บังคับขุมขู่ หน่วงเหนี่ยว หรือกลั่นแกล้ง เพื่อหาประโยชน์ใส่ตนและพวกพ้อง เป็นการคอร์รัปชั่นที่เห็นได้ทั่วไปในวงราชการ
จูงใจ เป็นการพูดจาให้ผู้มาติดต่อ เห็นดีเห็นงามกับการเสียเงินเล็กๆน้อยๆ  เพื่อความสะดวกรวดเร็ว หรือพูดจาให้อีกฝ่ายหนึ่งยอมตาม โดยผู้พูดได้ผลประโยชน์จาการยินยอมนั้น
 เรียกร้อง เป็นการเรียกร้องโดยตรงจาการให้บริการของเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจ
บังคับข่มขู่ ตัวอย่างที่เห็นบ่อยเห็นจะเป็นการจับผู้ขับขี่ยวดยานพาหนะ  แล้วตั้งข้อหาต่างๆนานาเพื่อบังคับให้ผู้ขับขี่ต้องเสียเงิน
หน่วงเหนี่ยว เป็นการทำงานให้ช้า โดยอ้างข้อบกพร่องของเอกสาร  หรือขั้นตอนในการทำงาน เมื่อใดได้รับเงินทองหรือผลตอบแทน การทำงานจะเร็วขึ้น

สมยอม รู้เห็นเป็นใจ เพิกเฉย หรือละเว้นการกระทำที่ต้องปฏิบัติหรือรับผิดชอบตามหน้าที่ เช่น  การเปลี่ยนแปลงรูปคดีจากหนักให้เป็นเบา ทำหลักฐานให้อ่อนลง  หรือปล่อยปละละเลยไม่ตรวจตราตามกฎหมาย เช่น  การตั้งซ่องโสเภณี การตั้งบ่อน การการเปิดปิดสถานบันเทิงต่างๆ ฯลฯ

ยักยอกเบียดบังทรัพย์สินทางราชการ เช่น ได้งบประมาณเพื่อสร้างอาคารสถานที่จำนวนเงิน 100 ล้าน อาจสร้างเพียง 70 ล้าน อีก 30 ล้านเบียดบังเป็นของตนเองและพรรคพวก  หรือปรับผู้ทำผิดกฎหมายแต่ไม่ออกใบเสร็จรับเงิน

ปลอมแปลง หรือกระทำการใดๆอันเป็นเท็จ เช่นออกใบสำคัญปลอม ใบเสร็จปลอม เพื่อเอาเงินใช้ส่วนตัว

มีผลประโยชน์ร่วมกันในกิจการบางประเภทที่สามารถใช้อำนาจหน้าที่ของตนบันดาลประโยชน์ได้ เช่นจ้างงานโดยวิธีพิเศษไม่ต้องประมูล โดยจ้างจากบุคคลที่มีผลประโยชน์ร่วมกัน

พฤติกรรมคอร์รัปชั่นดังกล่าวนี้ ส่วนใหญ่เห็นได้ทั่วไปในวงราชการไทย สำหรับนักการเมืองผู้มีอำนาจนั้นค่อนข้างจะคอร์รัชั่นที่แนบเนียนกว่า จับยาก ส่วนใหญ่ใช้อำนาจหน้าที่ บังคับ สัญญาว่าจะให้ โดยผ่านข้าราชการอีกต่อหนึ่ง หากข้าราชการคนใดทำตาม ก็ได้รับการเลื่อนชั้นเลื่อตำแหน่ง หรือเกษียณแล้วก็อาจได้เป็นถึงรัฐมนตรี

พฤติกรรมการคอร์รัปชั่นดังกล่าวนี้ หากปล่อยไว้่้จะเกิดความเสียหายต่อบ้านเมืองมากมาย ปัจจุบันนี้ คอร์รัปชั่นมีความรุนแรงและกระจายไป ทั้งในส่วนกลาง ส่วนภูมิภาคและส่วนท้องถิ่น กล่าวกันว่า เงินงบประมาณทุกๆ 100 บาท ต้อสูญเสียจากการคอร์รัปชั่น 30 บาท

เท่าที่สังเกตุรัฐบาลใด ที่ประกอบด้วยคนที่มีความซื่อสัตย์สุจริต  การคอร์รัปชั่นจะลดลง  วกเข้าการเมืองจนได้ ว่าจะไม่กล่าวถึงแล้วเชียว
                 ---------------------------------------------------------------
                                                   สาระคิด

               ถ้าไม่ยืนหยัดเพื่ออะไรสักอย่าง ก็จะยอมทุกอย่างได้ทั้งสิ้น

                                                 Michael Evans
                                      ----------------------------

วันจันทร์ที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2556

วุฒิสมาชิก:ภาพหลอนจากอดีต

ตอนก่อนได้กล่าวถึงคุณสมบัติที่วุฒิสมาชิกพึงมี  เป็นคุณสมบัติที่ขยายความจากบทบัญญัติรัฐธรรมนูญปี 2550 ที่พยายามจะแก้พฤติกรรมของวุฒิสมาชิกที่มาจากการเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญปี 2540

กล่าวคือ ด้วยพฤติกรรมของวุฒิสมาชิกที่มาจากการเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญ ปี 2540ที่ผ่านมา  ทำให้วุฒิสภาสมัยนั้น  ถูกตั้งฉายาในลักษณะที่ไม่น่าจะเกิดกับวุฒิสภา ซึ่งเป็นสภาของผู้มีวุฒิภาวะ หรือสภาของผู้ใหญ่

ฉายาที่มีการตั้งให้วุฒิสภา ก็มี "สภาผัวเมียหรือสภาเครือญาติ" สภาทาส" และ "สภาผู้แทนสาขา 2"

เหตุที่ได้รับฉายาดังกล่าว ก็เริ่มมาตั้งแต่การเลือกตั้ง โดยผู้สมัครใช้ทุน ใช้ฐานเสียง ใช้หัวคะแนนของพรรคการเมือง นอกจากนั้น  หากลูกเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรก็ให้พ่อสมัครสมาชิกวุฒิสภา หรือถ้าเมียเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ก็ให้ผัวสมัครสมาชิกวุฒิสภา  อะไรทำนองนี้

เมื่อใช้ผู้สมัคร ใช้ทุน ใช้ฐานเสียงเดียวกันกับพรรคการเมือง จึงต้องทำตามพรรคการเมืองทีี่สังกัดโดยพฤตินัยแม้กฎหมายจะห้ามไว้ก็ตาม วุฒิสภาจึงกลายเป็น "สภาทาส" "สภาผู้แทนสาขา 2"

และที่เลวร้ายกว่านั้น เมื่อได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกวุฒิสภาแล้ว  บางคนยังขายตัว และรับเงินเดือนประจำจากพรรคการเมืองอีกต่างหาก

ด้วยเหตุปัจจัยดังกล่าว  ทำให้พรรคการเมืองที่เป็นแกนนำรัฐบาล  เข้าไปแทรกแซงและครอบงำการเลือกประธานและรองประธานวุฒิสภา ประธานกรรมาธิการวุฒิสภา จนเป็นที่รู้กันว่า มีสมาชิกวุฒิสภาที่ฝักใฝ่และพร้อมที่จะรับใบสั่งจากรัฐบาล จนเสียความเป็นกลางทางการเมืองไป

การลงมติเลือกบุคคลเข้าดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ   ก็มักจะเลือกตามโผตามที่รัฐบาลสั่งการอย่างลับๆ   ผลที่ตามมาองค์การอิสระก็ไม่อิสระ   แม้จะมีนักการเมืองจะสารภาพว่า "บกพร่องโดยสุจริต" องค์กรอิสระสมัยนั้น ก็ยังตัดสินว่าไม่มีความผิด

และหากย้อนกลับไปดู  การทำงานของสมาชิกเหล่านั้น จะพบว่า มีสมาชิกวุฒิสภาบางคนปกป้องรัฐบาลอย่างออกหน้าออกตา  สมาชิบางคนออกมาวิจารณ์การวินิจฉัยของคณะกรรมการป้องกันและปราบรามการทุจริตแห่งชาติ กรณีการปกปิดการถือหุ้นของ พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร จนเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง

ด้วยเหตุของพฤติกรรมของวุฒิสมาชิกที่มาจาการเลือกตั้งดังกล่าว  เมื่อมีการเสนอให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้สมาชิกวุฒิสภาทุกคนต้องมาจากการเลือกตั้ง  ก็ได้รับการคัดค้านจากหลายฝ่ายที่รู้ถึงพฤติกรรมของวุฒิสมาชิกเหล่านั้น แม้ว่าการได้มาของสมาชิกวุฒิสภาโดยการเลือกตั้งจะเป็นไปตามวิถีทางประชาธิปไตยก็ตาม

จึงเห็นว่า ถ้าการได้มาโดยวิธีการเลือกตั้งทำให้วุฒิสมาชิกมีพฤติกรรมในลักษณะดังกล่าวอีก คิดว่าไม่มีวุฒิสมาชิกน่าจะดีกว่า  เพราะนอกจากประเทศชาติจะไม่ได้ประโยชน์แล้ว   ยังทำให้เสียงบประมาณจ่ายเงินเดือนให้สมาชิกวุฒิสภาโดยไม่จำเป็นอีกด้วย
                                                ---------------------------------------
                                                                สาระคิด

  ถ้าต้องการให้การปฏิรูปทางการเมืองประสบความสำเร็จ  นักการเมืองจะต้องเริ่มด้วยการปฏิรูปตนเอง
                                                       ------------------------

วันพฤหัสบดีที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2556

วุฒิสมาชิก:คุณสมบัติที่พึงมี

รัฐธรรมนูญได้ให้ความสำคัญกับวุฒิสภาค่อนข้างมาก คือนอกจากทำหน้าที่กลั่นกรองกฎหมายแล้ว ยังมีอำนาจหน้าที่ในการพิจารณา เลือก แต่งตั้ง ให้คำแนะนำ หรือให้ความเห็นชอบ  ให้บุคคลดำรงตำแหน่งกรรมการเลือกตั้ง  กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ  กรรมการสิทธิมนุษยชน กรรมการตรวจเงินแผ่นดิน ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ตุลาการศาลปกครองสูงสุด และผู้ตรวจการแผ่นดินของรัฐสภา

เมื่อมีความสำคัญเช่นนี้ วุฒิสภาจึงควรประกอบด้วยสมาชิก ที่มีคุณสมบัติเฉพาะที่แตกต่างไปจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 

ประการแรก สมาชิกวุฒิสภาจะต้องเป็นผู้ใหญ่ที่มีวุฒิภาวะ 

ในสังคมไทยผู้ทีความเป็นผู้ใหญ่ จะต้องเป็นผู้ที่ถึงพร้อมด้วยคุณวุฒิ วัยวุฒิ และชาติวุฒิ การที่รัฐธรรมนูญกำหนดให้ผู้มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งวุฒิสมาชิก จะต้องมีอายุไม่ตำ่กว่าสี่สิบปีบริบูรณ์ และสำเร็จการศึกษาไม่ต่ำกว่าปริญญาตรีหรือเทียบเท่า  ก็เพราะตระหนักถึงความสำคัญของวัยวุฒิและคุณวุฒิ  ว่าจะต้องมีความรู้และอายุมากพอที่จะทำหน้าที่ด้วยความรับผิดชอบ

ส่วนชาติวุฒิ อันเป็นคุณสมบัติอีกอย่างหนึ่งนั้น รัฐธรรมนูญไม่ได้กำหนดไว้ คงให้อยู่ในดุลยพินิจของผู้เลือกตั้งที่จะเลือกสรรคนดี มีชาติมีตระกูล ได้รับการอบรมมาอย่างดี ไม่มีประวัติด่างพร้อย

ในทางจิตวิทยา  ผู้มีวุฒิภาวะ คือเป็นผู้ที่โตเต็มวัย เติบโตทั้งทางกาย อารมณ์ สังคม และสติปัญญา เป็นภาวะที่สุกสุดขีด ไม่สุกๆดิบๆหรือห่าม มีอายุสี่สิบปีก็ต้องมีพฤติกรรมเยี่ยงคนอายุสี่สิบ ไม่แสดงพฤติกรรมเหมือนวันรุ่น

ประการต่อมา สมาชิกวุฒิสภาจะต้องมีความเป็นกลางทางการเมือง   ความเป็นกลางหมายถึงการกระทำที่ยึดหลักฎหมายและความถูกต้อง 

คุณสมบัติข้อนี้ รัฐธรรมนูญได้ ห้ามไม่ให้ผู้ที่เป็นสมาชิกพรรคการเมือง ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง หรือพ้นจาการเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไม่เกินห้าปีสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกวุฒิสภา ทั้งนี้เพื่อให้สมาชิกวุฒิสภาสามารถทำงานอย่างเที่ยงธรรม เป็นกลาง และอิสระโดยไม่ผูกพันกับมติพรรคการเมือง

นอกจากนั้นยังกำหนดให้ผู้สมัครรับเลือกตั้งวุฒิสมาชิกจะต้องไม่เป็นบุพการี คู่สมรส หรือบุตรของผู้ดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร  หรือผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง  เพื่อตัดความสัมพันธ์เชิงเครือญาติ

ประการสุดท้าย สมาชิกวุฒิสภาจะต้องทำหน้าที่โดยไม่หวังคะแนนนิยม

คุณสมบัติข้อนี้  รัฐธรรมนูญได้กำหนดไม่ให้สมาชิกวุฒิสภา ดำรงตำแหน่งติดต่อกันเกินหนึ่งวาระ  และเมื่อสิ้นสุดการเป็นสมาชิกไม่เกินสองปี  จะเป็นรัฐมนตรีหรือดำรงตำแหน่งทางการเมืองไม่ได้ ที่กำหนดไว้เช่นนี้ ก็เพื่อไม่ให้สมาชิกวุฒิสภาทำงานเพื่อหวัง ตำแหน่งทางการเมืองหรือประโยชน์ในการเลือกตั้งครั้งต่อไป

คุณสมบัติทั้งหมดที่กล่าวมา จัดว่าเป็นคุณสมบัติขั้นพื้นฐาน  ที่สมาชิกวุฒิสภาพึงมี จึงจะสามารถทำงานได้อย่างสง่างาม มีเกียรติ และเป็นที่เชื่อถือของประชาชน

อย่างไรก็ตาม  ขณะนี้รัฐสภากำลังพิจารณาแก้ไขรัฐธรรมนูญอยู่  หากมีการแก้ไขจนกระทบถึงคุณสมบัติที่กล่าวมา นับว่าเป็นการแก้ไขเพื่อประโยชน์ส่วนตน มากกว่าประโยชน์ชาติ
                                         ---------------------------------------------

                                                        สาระคิด

อย่าปล่อยให้การเมืองเป็นเรื่องของนัการเมือง เพราะการตัดสินใจของนักการเมืองส่งผลกระทบต่อความเป็นอยู่ของประชาชาชน
                                                 -------------------------------

วันอังคารที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2556

คอร์รัปชั่น:ความหมาย

ตอนก่อนได้กล่าวถึง ความหมายของคอร์รัปชั่นจากพจนานุกรม  ในตอนนี้จะขอเพิ่มเติมถึงความหมายของคอร์รัปชั่นจากนักวิชาการ ที่มีความหลากหลายและครอบคลุมในลักษณะต่างๆดังนี้

คอร์รัปชั่น หมายถึง  การกระทำทุกลักษณะ  ที่เป็นไปโดยมิชอบ  หรือเป็นการกระทำที่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตน โดยใช้อำนาจและอิทธิพลที่มีอยู่ตามตำแหน่งหน้าที่  หรืออาศัยฐานะตำแหน่งพิเศษที่ตนมีอยู่ในชีวิตที่เกี่ยวข้องกับกิจการสาธาณะ และหมายครอบคลุมถึงการกินสินบนด้วย

คอร์รัปชั่น  หมายถึง  การแสดงอำนาจ  หรือการใช้อำนาจโดยวิธีการอันผิดกฏหทาย  หรือผิดทำนองคลองธรรม  ไม่ต้องด้วยจริยธรรม รวมตลอดถึงการเล่นพรรคเล่นพวกในวงการบริหารงานบุคคลด้วย

คอร์รัปชั่น  หมายถึง  การกระทำที่ทำให้เสื่อมความซื่อตรง โดยรับสินบนหรือช่วยเหลือกัน ด้วยการใช้วิธีปฏิบัติอันมิชอบ ทั้งในทางการเมืองการปกครอง เช่น การกินสินบน การขายตำแหน่งหน้าที่ การอนุมัติทำสัญญาทางราชการกับห้างร้านหรือบริษัทเอกชนที่ชอบพอกัน

คอร์รัปชั่น  หมายถึง การแสดงออกของการใช้อำนาจในทางที่ผิด  เพื่อหวังประโยชน์ส่วนตน  โดยเกี่ยวข้องกับการให้สินบน ซึ่งไม่จำเป็นต้องเป็นเงินทองเสมอไป

คอร์รัปชั่น หมายถึง การใช้อำนาจเพื่อผลประโยชน์ ความพึงพอใจ หรือชื่อเสียง เพื่อผลประโยชน์ของกลุ่มของชนชั้น  ในลักษณะที่ผิดกฎหมายหรือมาตรฐานทางจริยธรรม

จากความหมายดังกล่าว  อาจสรุปได้ว่าการคอร์รัปชั่นนั้น  มีองค์ประกอบที่สำคัญคือ ต้องมีอำนาจหน้าที่ ต้องทำผิดกฎหมายหรือผิดมาตรฐานทางจริยธรรม  และผู้กระทำผิดนั้นหรือกลุมบุคคลนั้นได้รับผลประโยชน์ ซึ่งอาจจะเป็นเงินหรือผลตอบแทนอื่นๆมีผลมาจากการกระทำนั้นๆ

ส่วน คำว่าฉ้อราษฎร์บังหลวงที่ตรงกับคำว่าคอร์รัปชั่น นั้นหมายถึงการรีดนาทาเร้นประชาชน และการเบียดบังทรัพย์ของหลวงมาเป็นของตน ซึ่งสามารถแยกคำว่า ฉ้อราษฎร์บังหลวง ออกได้เป็นการกระทำในลักษณะต่อไปนี้ กล่าวคือ

การฉ้อราษฎร์ เป็นการแอบอ้างเอาผลประโยชน์จากราษฎร  หรือการโกงเงินจากประชาชน

การบังหลวง เป็นการกระทำด้วยประการใดๆของข้าราชการ ที่นำเงินหรือประโยชน์ของราชการไปเป็นประโยชน์ส่วนตน

การกินสินบน เป็นการเรียกรับสินบนจากราษฎร เพื่อปฏิบัติหน้าที่หรืองดเว้นการปฏิบัติการอย่างใดอย่างหนึ่ง  และ

การใช้ตำแหน่งหน้าที่ราชการเพื่อแสวงหาผลประโยชน์ใส่ตนหรือผู้อื่น

จะเห็นว่า  คนที่คอร์รัปชั่นหรือฉ้อราษฎร์บังหลวงได้ต้องเป็นข้าราชการ พนักงานรัฐวิสาหกิจหรือนักการเมืองผู้มีอำนาจหน้าที่เท่านั้น  ส่วนคนธรรมดาทั่วไปไม่สามารถจะคอร์รัปชั่นได้  ทำได้แค่การทุจริต
อย่างกรณี เรื่องทุจริตการสอบครูผู้ช่วย  ผู้คอร์รัปชั่นคือเจ้าหน้าที่ผู้เรียกรับเงินโดยสัญญาว่าจะช่วยให้สอบเข้าเป็นครูได้ ส่วนผู้จ่ายเงินสินบนไม่ได้คิร์รัปชั่น เป็นแต่เพียงผู้ทุจริต
 
ส่วนการกล่าวหา เรื่องทุจริตโครงการจำนำข้าวที่ถกเถียงกันอยูนั้น ไม่กล้ายกตัวอย่างมาแยกแยะ คิดเอาเองก็แล้วกันว่า ใครทำได้แค่ทุจริต ใครที่สามารถจะคอร์รัปชั่นได้
                                        ------------------------------------------

                                                               สาระคิด

           ความเป็นกลางไม่ใช่ทางออกที่ดีสำหรับคนรักชาติ ศานา และพระมาหากษัตริย์
                           แต่เป็นทางออกที่ดีสำรับคนรักตนเองและครอบครัว

                                                                         ชวน หลีกภัย
                                                     ------------------------------

วันพฤหัสบดีที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2556

คอร์รัปชั่น

คอร์รัปชั่น เป็นคำที่ยืมมาจากภาษาอังกฤษว่า  corruption หมายถึง ความชั่ว ฉ้อราษฎร์บังหลวง การติดสินบน สำหรับคำไทย  ก็มีคำว่า ทุจริต หมายถึง  ความประพฤติชั่ว เป็นคำที่หมายรวมถึง  การประพฤติชั่วทุกชนิด ลึกซึ้งตั้งแต่  การประพฤติชั่ว ทางกาย ทางวาจา ตลอดจนการประพฤติชั่วทางใจ

ถ้าจะถามว่า คนเพศใด วัยใด อาชีพใด ทุจริตบ้าง ก็เห็นจะต้องตอบว่าทุกเพศทุกวัยและทุกอาชีพ  เด็กก็เริ่มด้วยการลอกการบ้าน ข้าราชการก็ฉ้อราษฤร์บังหลวง นักการเมืองก็อาจฉ้อหลวงบังราษฏร์ ประชาชนทั่วไปก็อาจติดสินบน นักธุรกิจก็อาจโกงภาษี สื่อมวลชนก็อาจรับจ้างเขียนบทความใส่ร้ายฝ่ายตรงกันข้าม แต่ถ้าหมายเฉพาะฉ้อราษร์บังหลวง การติดสินบน ก็หนักไปทางข้าราชการ พนักงานรัฐวิสาหกิจ และนักการเมือง  โดยมีประชาชาชนเกี่ยวข้องบ้าง ไม่เกี่ยวบ้าง

การคอร์รัปชั่นในสังคมไทยมีมานาน  อาจกล่าวได้ว่า  มีมาตั้งสมัยกรุงศรีอยุธยา ดังมีข้อความประกฏในลิลิตพระลอตอนหนึ่งว่า "เอาสินสกางสอดจ้าง แข็งดั่งเหล็กเงินง้าง อ่อนได้ดังใจ"

จึงอาจกล่าวได้ว่าการทุจริตคอร์รัปชั่นมีอยู่คู่สังคมไทย

ปัญหาคอร์รัปชั่นในสังคมไทยจึงเป็นปัญหาที่เรื้อรัง  มีความซับซ้อน เกี่ยวพันกันประดุจลูกโซ่  คอร์รัปชั่นเกิดขึ้นในทุกระดับ ทุกสังคม โดยเฉพาะในวงราชการ  เจ้าหน้าที่รัฐทุกระดับ นับตั้งแต่นายกรัฐมนตรีจนถึงเสมียนพนักงาน

นายกรัฐมนตรีที่โด่งดังในอดีต  เรื่องทุจริตคอร์รัปชั่นก็เห็นจะเป็น จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์  และมีอดีตรัฐมนตรีคนหนึ่งต้องตายในคุก  เพราะทุจริตต่อหน้าที่  โกงกินป่าไม้ในจังหวัดชายแดนภาคใต้
 
สำหรับในยุคปัจจุบัน นายกรัฐมนตรีถูกกล่าวหาเรื่องคอร์รัปชั่น ทั้งที่ศาลตัดสินแล้วและมีคดีค้างอยู่ในศาล ก็มี   พตท.ดร.ทักษิณ   ชินวัตร์  ส่วนระดับรัฐมนตรีที่ศาลตัดสินจำคุก ก็มี นายรักเกียรติ สุขธนะ  อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในคดีทุจริตสินบนยา 5 ล้านบาท 

คอร์รัปชั่นเป็นตัวทำลาย  ศึลธรรมจรรยา ค่านิยม และคุณธรรมของสังคม ให้สูญสิ้นไปโดยสิ้นเชิง นักคอร์รัปชั่นบางคนอยู่ในสังคมอย่างมีเกียรติ เป็นที่ยกย่องนับหน้าถือตาของคนทั่วไป  ทั้งๆที่รู้ว่า บุคคลผู้นั้นร่ำรวยหรือ ได้ตำแหน่งมาโดยการทุจริตคอร์รัปชั่น คล้ายกับว่าการทุจริตคอร์รัปชั่นเป็นเรื่องธรรมดาในสังคมไทย

มีรัฐบาลกี่รัฐบาล พรรคการเมืองกี่พรรค คณะรัฐประหารกี่คณะ ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่กี่คน ที่กล้าพูดเต็มปากเต็มคำว่าตน  หรือคณะของตนไม่ทุจริตคอร์รัปชั่น

แม้จะมีความพยายามออกกฏหมายหรือ  จัดให้มีองค์กรอิสระต่างๆเพื่อแก้ปัญหาคอร์รัปชั่น แต่ไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร ลงโทษได้แต่พนักงานหรือข้าราชการชั้นผู้น้อย

รัฐบาลสมัยหนึ่งได้มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ ทำการวิจัยเกี่ยวกับทุจริตคอร์รัปชั่น แต่ไม่อาจนำมาเผยแพร่ให้ประชาชนทราบได้ เพราะกระทบกระเทือนข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ และผู้มีอำนาจหลายคน โดยเกรงไปว่าเป็นการสาวไส้ให้กากิน

ด้วยเหตุนี้  อาจกล่าวได้ว่าตราบใดที่มีการทุจริตคอร์รัปชั่น ตราบนั้นการพัฒนาประเทศในด้านต่างๆ อันได้แก่  ด้านการเมือง เศรษฐกิจ สังคม และการบริหาร จะดำเนินไปได้ยาก
                                                   ---------------------------------------------

                                                                        สาระคิด

                                         การบันเทิงใดจะมีราคาถูกเทียบได้กับการอ่านหนังสือ

                                                                          เม่งจื๊อ
                                                              ----------------------------

วันจันทร์ที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2556

ชรากถา

วัยชราคือวัยที่เลยวัยผู้ใหญ่  คือมีอายุเกิน 60 ปี  แต่บางตำราระบุว่า  วัยชรา คือวัยที่มีอายุเกิน 65 ปี แต่ในอนาคตเป็นไปได้ที่จะบอกว่า  วัยชราคือวัยที่มีอายุเกิน 70 ปี

ยิ่งวิทยาศาตร์การแพทย์เจริญมากขึ้นเท่าไร   คนก็ยิ่งชราภาพช้าลง ใครพบวิธีที่ช่วยให้ชราภาพช้าลง คนนั้นจะร่ำรวย

ในปัจจุบันจึงมีตำราและวิธีการมากมาย ที่จะช่วยต่อต้านความชรา ชะลอวัย และมีอายุยืนยาว

มีหนังสืออยู่เล่มหนึ่ง ที่อ่านแล้ว ทำให้รู้สึกชื่นใจสำหรับผู้สูงวัยคือ "ชีวิตเริ่มต้นเมื่อ 70" 

อายุจึงอาจเป็นเพียงตัวเลขอย่างที่พูดๆกัน อายุไม่อาจบอกความชราได้อย่างชัดเจนอีกต่อไป

อย่างไรก็ตามนักวิทยาศาตร์ทางตะวันตก ก็พยายามบอกลักษณะที่แสดงถึงความชราออกมาเหมือนกัน เป็นลักษณะทางชีวภาพ ได้แก่ น่องโล้น ใบหูโตขึ้น เท้าโตขึ้น ความรู้สึกเกี่ยวกับรสเสื่อมลง บาดแผลหายช้า   ตื่นนอกลางดึกหลายครั้ง เหงื่อออกง่าย  ฉี่ไกลไม่เกินสามก้าว อ้วนลงพุง เกิดภาวะกรดไหลย้อน และท้องผูกประจำ

ลองตรวจสอบกับตัวเองดู ว่าตรงกับตัวเองกี่ประการ ซึ่งบางคนก็ครบบางคนก็ไม่ครบ

ส่วนที่ใครจะหูยานเป็นพิเศษ น่าจะเกิดจากคนที่บ้านช่วยดึงมากกว่าสาเหตุอื่น

ซึ่งยังไงก็สู้่แบบไทยเราไม่ได้ ที่ระบุไว้อย่างชัดเจน คล้องจอง ไม่ต้องอธิบายมาก  ความชราในทัศนะของไทยเรา คือ ชอบของขม ชมสาวๆ  เล่าความหลัง หลังตาเหี่ยว  และเยี่ยวรดตีน

แต่ก็ขึ้นอยู่กับความแตกต่างระหว่างบุคคลอีกนั่นแหละ

สำหรับคนชรานั้น    สามารถจำแนกออกเป็นพวกๆได้ดังนี้ กล่าวคือ

พวกแรก  เป็นพวกที่ดำรงความเป็นตัวเองได้  พวกนี้ยอมรับความจริง ปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมได้ดี พอใจในสิ่งที่ตนมีอยู่  มองโลกในแง่ดี ทำกิจกรรมที่ตนสนใจ มีชีวิตสงบด้วยการศึกษาธรรมะ  หรือช่วยเลี้ยงหลาน ไม่ไปวุ่นวายกับการดำรงชีวิตของลูกๆ

พวกที่สอง  เป็นพวกใจสู้ไม่ยอมแพ้   เป็นคนชราที่ไม่ยอมให้สิ่งใดมาทำลายความตั้งใจ ไม่ยอมแพ้สังขาร  ไม่ยอมรับว่าตนเองแก่ ทำกิจกรรมต่างๆตลอดเวลา  โดยพยายามทำกิจกรรมที่สามารถทำได้ในวัยหนุ่มสาว

พวกที่สาม  เป็นพวกพึ่งพิง  พวกนี้ไม่สามารถช่วยตัวเองได้ คอยพึ่งผู้อื่นตลอดเวลา ไม่ค่อยจะร่วมกิจ  กรรมใดๆ  ชีวิตจะมีความสุขพอประมาณเมื่อมีคนดูแล  แต่หากไม่มีคนดูแลชีวิตจะไร้ความหมายทันที

 พวกที่สี่  เป็นพวกสิ้นหวัง  พวกนี้รู้สึกว่าความชราคือศัตรูตัวร้ายกาจ  ที่ตนไม่มีทางสู้ เมื่อรู้สึกว่าความชราย่างเข้ามา  จะเศร้าสลดและสิ้นหวัง ไม่ค่อยสนใจสิ่งใดและผู้ใด  เสื่อมทรุดทั้งร่างกายและจิตใจ

อย่างไรก็ดี คนชราคนหนึ่งๆ  อาจมีหลายลักษณะในคนๆเดียวกันก็ได้

สำหรับบ้านเรา ชายชราที่พูดถึงกันมาก คือเฒ่าทารกกับเฒ่าหัวงู

เ้ฒ่าทารก  คือคนที่มีความเป็นเด็กในวัยชรา  เป็นพวกที่เข้าใจสิ่งต่างๆช้า อารมณ์อ่อนไหวง่าย ส่วนเฒ่าหัวงู  เป็นพวกที่มีความเป็นหนุ่มในวัยชรา เห็นสาวๆแล้วซู่ซ่า ซึ่งก็ไม่ผิดอะไรหากไม่ทำให้คนอื่นเดือดร้อน  เพราะจากการศึกษามีข้อเสนอแนะว่า คนในวัย 70 ปี ควรมีเพศสัมพันธ์เฉลี่ยสัปดาห์ละ 1.2 ครั้ง เพื่อให้ต่อมลูกหมากได้ทำงาน

นับว่าเป็นข้อเสนอที่น่าสนใจ แต่ขอให้ระวังสังขารกันหน่อยก็แล้วกัน เดี๋ยวจะหาว่าไม่เตือน
                                                 -----------------------------------------

                                                                        สาระคิด

                             ความรักหากมีมากเกินเหตุ อาจทำลายตนเองและคนที่เรารักได้
                                                          ---------------------------

วันพฤหัสบดีที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2556

บุคลิกภาพแบบประชาธิปไตย:ลักษณะคนไทย

หากพิจารณาลักษณะของคนไทยโดยรวม จะพบว่าคนไทยนั้นมีลักษณะ  ทั้งที่เอื้อและเป็นอุสรรคต่อการที่จะมีบุคลิคภาพแบบประชาธิปไตย

สำหรับลักษณะของคนไทย   ที่เอื้อต่อการมีบุคลิคคภาพแบบประชาธิปไตย เห็นจะได้แก่ การรักความอิสระ  ยกย่องสตรี  และยกย่องผู้มีความรู้  ลักษณะเหล่านี้  เอื้อต่อการมีความคิดเห็นเป็นของตัวเอง  ปรับตัวได้ง่าย คิดถึงคนอื่นตามที่เขาเป็น มีเหตุผล

ส่วนลักษณะของคนไทยที่  อาจเป็นอุสรรคต่อการมีบุคลิกภาพแบบประชาธิปไตย ได้แก่ กลัวผู้มีอำนาจ เชื่อผู้นำ พอใจในสิ่งที่ตนมีอยู่  ถือความสัมพันธ์ส่วนตัว การถือฐานานุรูป  ขาดระเบียบวินัย นิยมตัวบุคคลมากกว่าอุดมการณ์  เกรงใจ  การนิยมมีข้าทาสบริวาร  การถือเอาประโยชน์ส่วนตนเหนือส่วนรวม ฯลฯ เหล่านี้  อาจเป็นอุสรรคต่อการมีบุกลิคภาพแบบประชาธิปไตย ในแง่ที่ว่า ทำให้เป็นคนที่ไม่มีความคิดเห็นเป็นของตัวเอง ชอบสนุก สะดวก สบาย ขาดความรับผิดชอบ ยอมก้มหัวให้ผู้ยิ่งใหญ่ง่ายๆ

จะเห็นว่าคนไทยนั้นมีลักษณะที่เอื้อต่อการเป็นประชาธิปไตย  น้อยกว่า ลักษณะที่เป็นอุปสรรคต่อการเป็นประชาธิปไตย  ประชาธิปไตยบ้านเราจึงล้มลุกคลุกคลาน  ผู้มีอิทธิพลในท้องถิ่นเข้ามามีบทบาทในการเมืองระดับชาติมากขึ้น  บางจังหวัดอยู่ภายใต้อิทธิพลของนัการเมืองบางตระกูล  แมัว่าตระกูลนั้นจะมีชื่อเสียงในทางทุจริตคอร์รัปชั่น  มีการสับเปลี่ยนการดำรงดำแหน่งทางการเมืองของคนในตระกูลเดียวกันแบบสืบทอดอำนาจ

ประชาธิปไตยของจึงตกอยู่ในวงจรอุบาทร์วนเวียนระหว่างประชาธิปไตยกับเผด็จการตลอดมา

ดังนั้นหากจะพัฒนาประชาธิปไตยให้ดำรงคงอยู่ในสังคมไทยอย่างยั่งยืน  จะต้องสร้างบุคลิกภาพแบบประชาธิปไตยขึ้นมา 

สถาบันที่มีบทบาทสำคัญในการสร้างบุคลิคภาพแบแบประชาธิปไทยที่สำคัญก็มี สถาบันครอบครัวและสถาบันการศึกษา และสถาบันสื่อ

ระหว่างสถาบันเหล่านี้ นักรัฐศาตร์ยอมรับว่าสถาบันครอบครัว  มีความสำคัญต่อการวางรากฐานและค่านิยมทางการเมืองมากที่สุด รองลงไปก็เป็นสถาบันการศึกษา

ด้วยเหตุนี้หากจะสร้างบุคลิภาพแบบประชาธิปไตย ต้องเริ่มที่ครอบครัวต่อด้วยสถาบันการศึกษา  วิธีง่ายๆคือพ่อแม่และครูอาจารย์จะะต้องเริ่มด้วยการการเลิกการวางอำนาจเหนือเด็ก ไม่ใช้ความคิดของตนเป็นใหญ่ ใช้เหตุผลในการอบรมสั่งสอนเด็กให้มากขึ้น
 
เมื่อครอบครัวและสถาบันการศึกษา  สามารถปลูกฝังค่านิยมประชาธิปไตย สร้างบุกลิกภาพแบบประชาธิปไตยขึ้นมาได้ วัฒนธรรมทางการเมืองแบบประชาธิปไตยจะเกิดขึ้น และแน่นอนว่าประเทศไทยจะปกครองแบบบ้านเมืองประชาธิปไตยที่มั่นคงในที่สุด
                                        -----------------------------------------------
                                                                สาระคำ
นิรโทษกรรม ตามกฏหมายแพ่ง หมายถึง  การไม่ต้องชดใช้ค่าสินไหมทดแทน ต่อการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อผู้อื่น  ตามกฏหมายอาญา หมายถึงการ การลบล้างการกระทำความผิดอาญาที่บุคคลได้กระทำมาแล้ว ผู้กระทำจะพ้นจากการเป็นผู้กระทำผิด
                                         ------------------------------------------------

วันจันทร์ที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2556

บุคลิกภาพแบบประชาธิปไตย:ความหมายและลักษณะ

บุคลิกภาพมีความสำคัญอย่่างยิ่งต่อการปกครองและการดำเนินชีวิตแบบประชาธิปไตย  นักรัฐศาตร์พบว่าสังคมใดที่ประกอบด้อยบุคคลที่มีบุคลิกภาพแบบอำนาจนิยม  ประชาธิปไตยในสังคมนั้นจะประสบความล้มเหลวหรือมีพัฒนาการไปอย่างช้าๆ  ในทางตรงกันข้าม ถ้าสังคมใดประกอบด้วยบุคคลที่มีบุคลิกภาพแบบประชาธิปไตย  สังคมนั้นจะประสบความสำเร็จในการเสริมสร้างประชาธิปไตย  ทั้งในวิถีการดำเนินชีวิตและการปกครอง

ส่วนบุคลิกภาพ  หมายถึงผลรวมของคุณสมบัติต่างๆ ได้แก่ความสนใจ ทัศนคติ อุปนิสัย ความสามารถ การพูด ลักษณะภายนอก การปรับตัว  หรือ บุคลิกภาพ  หมายถึงแบบแผนทั่วไปของชีวิต  หรือบุคลิกภาพ หมายถึงแบบแผนของพฤติกรรม  ซึ่งมีลักษณะคงที่  เป็นพฤติกรรมที่ขึ้นอยู่กับรากฐานของความคิด ความรู้สึกและการรับรู้

บุคลิกภาพมีอิทธิพลต่อพฤติกรรมของคน  ในทางการเมืองหากคนในสังคมส่วนใหญ่มีบุคลิกภาพแบบใดมาก การเมืองการปกครองจะมีแนวโน้มไปในทิศทางนั้น

สำหรับคำว่า ประชาธิปไตย อาจจำแนกได้เป็น 2 ความหมาย คือ ประชาธิปไตย  หมายถึงระบอบการปกครอง กับประชาธิปไตยที่  หมายถึงสัมพันธภาพระหว่า่งบุคคล

ประชาธิปไตยที่เป็นระบอบการปกครอง ผู้ปกครองจะต้องได้รับความยินยอมจากผู้ใต้ปกครอง ผู้ใต้ปกครองจะต้องมีสิทธิ์เปลี่ยนผู้ปกครองได้เป็นครั้งคราว สิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐานของประชาชนจะต้องได้รับความคุ้มครอง นอกจากนี้ จะต้องถือว่าบุคลลแต่ละคนเป็นหน่วยของชาติที่มีความสำคัญที่สุด มีศักดิ์ศรี และมีความศักดิ์สิทธิ์อันจะละเมิดมิได้

ส่วนประชาธิปไตยที่เป็นสัมพันธภาพระหว่างบุคคลในสังคม จะต้องประกอบด้วย  การเคารพในสิทธิซึ่งกันและกัน  มีการตกลงโดยสันติวิธี และ มีความยุติธรรมในสังคม

สำหรับผู้มีบุคลิกภาพแบบประชาธิปไตยนั้น ได้แก่บุคคลที่มีคุณสมบัติ ดังนี้  มีความคิดเป็นของตัวเอง ไม่นิยมการยอมตามความคิดเห็นของคนอื่นเว้นเสียแต่ว่าจะถูกชักจูงให้คล้อยตามด้วยเหตุผลที่ควรจะเชื่อถือ  เป็นคนที่ปรับตัวให้เข้ากับสถานะการณ์ใหม่ๆได้ง่าย  มีความรับผิดชอบผูกพันในสิ่งที่เขาได้ตัดสินใจทำลงไป   ไม่อคติต่อผู้ที่มีความแตกต่างจากตน เช่น ต่างศาสนา ต่างเชื้อชาติ ต่างความคิด ฯลฯ  คิดถึงบุคคลอื่นในฐานะที่คนนั้นเป็นตัวของเขาเองไม่ใช่จัดประเภทให้เขาโดยไม่มีเหตุผล
มองโลกในแง่ดีอยู่เสมอ   มีศรัทธาและความหวังต่อชีวิต  ไม่ยอมก้มหัวให้กับผู้ยิ่งใหญ่ง่ายๆแม้ว่าจะยอมรับอำนาจแต่อำนาจนั้นต้องมีเหตุผลหรือมีความชอบธรรม

ถึงตอนนี้ เห็นจะต้องถามตนเองว่ามีบุคลิกภาพแบบประชาธิปไตยแล้วยัง บ้านเมืองเรามีการปกครองแบบประชาธิปไตยแล้วหรือยัง  ถ้ายังและอยากเป็นประชาธิืปไตยเห็นจะต้องช่วยกันตอบว่า  จะพัฒนาตนเองและการเมืองการปกครองกันอย่างไร  จึงจะไปสู่เป้าหมายที่ต้องการ
                                        ---------------------------------------
                                                    สาระคำ

ปรองดอง ก. ออมชอม ประนีประนอม ยอมกัน ไม่แก่งแย่งกัน ตกลงกันด้วยความไกล่เกลี่ย ตกลงกันด้วยไมตรีจิต
                                          --------------------------------------

วันพฤหัสบดีที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2556

การปฏิรูปการศึกษาจะต้องปฏิรูปการคิด:ตอน 3

นักการศึกษาไทยก็ให้ความสำคัญกับการคิดเหมือนกัน  ในหลักสูตรที่ใช้ในการเรียนการสอน ก็มีการระบุเป้าหมายที่ชัดเจนว่า ต้องการให้ผู้เรียนเป็นผู้ คิดเป็น ทำเป็น แก้ปัญหาเป็น  นับว่าเป็นวัตถุประสงค์ของหลักสูตรที่ใช้ภาษาได้คล้องจอง จำง่าย แต่ไม่เกิดผลในทางปฏิบัติ  เพราะผู้ปฏิบัติตีความคำว่าคิดเป็นไปคนละทิศคนละทาง

ความจริงคนไทยก็มีวิธีการเรียนรู้ของตนเอง  ที่เรียกกันว่า หัวใจนักปราชญ์ อันประกอบด้วย สุ จิ ปุ ลิ คือ ฟัง คิด ถาม จด  แต่ในทางปฏิบัติครูไทยมักนำมาใช้ 2 วิธี  ไม่ครบกระบวนการ คือใช้เพียงฟังกับจด  ขาดการคิดและถาม  ผลก็คือคนไทยถามและคิดไม่ค่อยเป็น  และจะถามเมื่อมีอารมณ์

เมื่อคิดและถามไม่เป็น สิ่งใหม่ๆจึงไม่ค่อยจะเกิด  มีแต่จดและจำต่อๆกันมา  หาวิธีแก้ปัญหาที่เหมาะสมกับสังคมไทยได้ยาก  คอยแต่จะฟังว่าคนอื่นคิดอย่างไร ชาติอื่นคิดอย่างไร  จะได้นำมาใช้แก้ปัญหาสังคมไทย  ซึ่งก็นับว่าง่ายดี  แต่ไม่เป็นวิธีแก้ปัญหาที่ยั่งยืน

ด้วยเหตุนี้จึงต้องย้ำอีกครั้งว่า   หากมีความจริงใจที่จะปฏิรูปการศึกษา จะต้องเริ่มด้วยการปฏิรูปการคิด ให้ผู้เรียนได้ถาม ได้คิดด้วยตนเอง

บ้านเมืองเราทุกวันนี้มีเรื่องที่ต้องคิดมากกมาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการนิรโทษกรรม การกู้เงิน 2 ล้านล้านบาท นโยายประชานิยมของพรรคการเมือง ตลอดจนเรื่องที่นักการเมืองซื้อเสียงโดยอ้างว่าจเข้ามาเพื่อรับใช้ประชาชน  ว่าเรื่องที่พูดที่ทำนั้นเกิดประโยชน์ต่อบ้านเมืองจริงหรือ  หรือเป็นเพียงการสร้างปัญหาใหม่ขึ้นมา
 
หากคนไทยตอบคำถามเหล่านี้ได้ด้วยตนเอง อย่างชัดเจน มีเหตุผล มีข้อมูลที่ถูกต้องและเพียงพอมา สนับสนุน  เชื่อได้ว่าประเทศชาติอันเป็นที่รักยิ่งของเรา คงจะมีการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นอย่างแน่นอน
                                            ---------------------------------------

                                                             สาระคิด

          เรามักจะเป็นผู้โปรยฝุ่นด้วยตนเองทั้งสิ้น  ก่อนที่เราจะบ่นว่ามองไม่เห็น

                                                                    George Berkeley
                                            -----------------------------------------