มนุษย์นั้นมีความแตกต่างกัน การเข้าใจถึงประเภทของมนุษย์ จะช่วยให้เข้าใจเป้าหมายและทิศทางของการพัฒนาชัดเจนขึ้น เพราะมนุษย์บางประเภทสามารถพัฒนาตนเองได้ด้วยตนเอง แต่มนุษย์บางประเภทต้องอาศัยคนอื่นช่วย เพราะการอาศัยตนเองเพียงลำพังนั้นมีศักยภาพไม่เพียงพอ
คำว่า"มนุษย์" ตามความหมายทางพระพุทธศานา มีความหมายหลายอย่าง เช่น ผู้มีจิตใจสูง ผู้รู้สิ่งที่เป็นประโยชน์และสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์ ผู้เป็นเหล่ากอของผู้รู้ ผู้ที่เป็นมนุษย์ได้ จะต้องอาศัยธรรมะของมนุษย์ ซึ่งได้แก่ศีล 5 และกุศลธรรมบถ 10 ผู้ใดขาดธรรมทั้ง 2 หมวดนี้ จัดว่าเป็นมนุษย์ไม่สมบูรณ์
ในทางพระพุทธศานาแบ่งมนุษย์ออกเป็น 5 ประเภท ได้แก่
1.มนุสสเนรยิโก(มนุษย์สัตว์นรก) เป็นมนุษย์ทีดุร้ายหยาบคาย ชอบฆ่าสัตวตัดชีวิต ปล้นทรัย์สินผู้อื่นมาเป็นของตนด้วยอาการดุร้าย เป็นมนุษย์แต่ชื่อ ส่วนความประพฤติทางกาย วาจา ใจ นั้นเลวทรามต่ำช้าหยาบคายเหมือนสัตว์นรก
2.มนุสสเปโต(มนุษย์เปรต) เป็นมนุษย์ที่มากด้วยความโลภ มากด้วยตัณหา ชอบลักเล็กขโมยน้อย โลภเอาของผู้อื่นมาเป็นของตน ชอบแย่งชิงวิ่งราว
3.มนุสสดิรัจฉาโน(มนุษย์ดิรัจฉาน) ได้แก่มนุษย์ที่ขวางศีลขวางธรรม มีโมหะคือ ความหลง ไม่รู้จักบาปบุญคุณโทษ ไม่รู้จักประโยชน์และบุญคุณของผู้มีคุณ เป็นมนุษย์ผู้ไร้ศีลธรรม
4.มนุสสภูโต(มนุษย์แท้ๆ) เป็นมนุษย์เต็มตัว เป็นผู้รักษาศีล 5 เป็นนิตย์ เพราะถือว่าเป็นธรรมะของมนุษย์ ธรรมะที่ทำให้มนุษย์เป็นมนุษย์ แต่ไม่ได้บำเพ็ญกุศลจริยาอย่างอื่น เช่น ไม่ได้ให้ทาน ไม่ได้ฟังธรรมเป็นต้น
5.มนุสสเทโว(มนุษย์เทวดา) เป็นมนุษย์ผู้มีศีล 5 เป็นนิตย์ แล้วยังได้พยายามบำเพ็ญกุศลเพิ่มพูนบารมีอยู่เรื่อยๆ เช่น ให้ทาน ฟังธรรม เรียนธรรม ปฏิบัตธรรม ไหว้พระสวดมนต์ มีความสะดุ้งกลัวต่อผลแห่งบาปอยู่เสมอ
มนุษย์ทั้ง 5 ประเภท เป็นมนุษย์ที่จะต้องมีการพัฒนา แต่มนุษย์ประเภทที่พัฒนาตนเองได้และมีศักยภาพเพียงพอ ได้แก่ มนุสสภูโต มนุสสเทโว ส่วนมนุสสเนรยิโก มนุสสเปโต และมนุสสดิรัจฉาโน จำเป็นจะต้องอาศัยบุคคลอืนช่วยเหลือเพื่อการพัฒนาตน
---------------------------------------------------------------
สาระคำ
คำว่า "ภาวนา"มีความหมายตรงกับคำว่า "พัฒนา" คำว่า ภาวนา จึงหมายถึง การฝึกอบรม หรือ
การทำให้เจริญขึ้น ทำให้พอกพูนขึ้น
พระราชวรมุนี
------------------------------------------------
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น