วันจันทร์ที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2561

มหาวิทยาลัยกับการพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

กระบวนการพัฒนาในปัจจุบัน มีวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเป็นฐานที่สำคัญ มีผลทำให้ประเทศกำลังพัฒนาต้องสร้างองค์ความรู้ที่มีฐานอยู่บนสาขาวิชาที่เกี่ยวข้องกับวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ตลอดจนพัฒนาและขยายสมรรถนะการวิจัยที่เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

นอกจากนั้น ยังกลายเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับประเทศที่จะต้องเข้าไปร่วมในเศรษฐกิจยุคโลกาภิวัตน์ ที่อาศัยกลไกการตลาดและการพึ่งพาซึ่งกันและกัน ทำให้ตลาดไร้พรมแดนมีคววามสำคัญต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศมากขึ้น

ประเทศที่ไม่สามารถก้าวทันกับการเปลี่ยนแปลงในยุคโลกาภิวัตน์ ส่วนใหญ่เนื่องจากกำลังแรงงานมักจะขาดทักษะและความรู้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งความรู้และทักษะที่เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ซึ่งกลายเป็นตัวกำหนดที่สำคัญของผลิตภาพทางเศรษฐกิจ นวัตกรรม และความสามารถในการแข่งขัน

มหาวิทยาลัยจึงต้องมีบทบาทสำคัญในการให้การศึกษาอบรมกำลังแรงงาน ตลอดจนสร้างสรรค์ความรู้และวิจัยที่จำเป็นต่อการเพิ่ม และการใช้เทคโนโลยีที่สนองตอบความต้องการทางเศรษฐกิจและสังคม

แต่ประเทศกำลังพัฒนาส่วนมาก มักจะมีความอ่อนด้อยทางเทคโนโลยี และมีปัญหามากมายจนไม่สามารถปรับปรุงสมรรถนะทางเทคโนโลยีให้ดีขึ้นได้

อุปสรรคสำคัญต่อการพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในประเทศกำลังพัฒนา คือสิ่งอำนวยความสะดวกในการเรียนการสอนและการฝึกอบรมที่ไม่เหมาะสม ขาดแคลนวารสาร วัสดุอ้างอิง ตลอดจนสิ่งอำนวยความสะดวกในห้องปฏิบัติการ

เมื่อการเรียนการสอนในสาขาวิทยาศาสตร์และวิชาชีพชั้นสูงมีความไม่เหมาะสม ทำให้มหาวิทยาลัยต้องหันไปเพิ่มการรับนักศึกษาในสาขาเดิมๆ ซึ่งได้แก่ สาขามนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ ซึ่งมีค่าใช้จ่ายถูกและง่ายต่อการสอน โดยใช้สิ่งอำนวนความสะดวกที่มีอยู่

อย่างไรก็ตาม การจะพัฒนาโครงสร้างทางวัตถุสำหรับการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี จะต้องเริ่มด้วยการให้ความสำคัญกับการพัฒนาจิตใจเป็นเบื้องต้น

การขาดวัฒนธรรมของผู้ประกอบการ การขาดวัฒนธรรมวิทยาศาสตร์ ตลอดจนการเข้าไปเกี่ยวข้องกับการพัฒนาเทคโนโลยีที่ไม่เหมาะสมของรัฐบาล จะเพิ่มอุปสรรคต่อการวิจัยแบบยั่งยืน รวมทั้งสมรรถนะในการพัฒนา

บทบาทสำคัญของมหาวิทยาลัยในการพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี จำเป็นจะต้องได้รับการส่งเสริมสมรรถนะการสอน และระดับบัณฑิตศึกษาจะต้องสร้างองค์ความรู้และการวิจัยที่ก้าวหน้า ในขณะเดียวกัน  จะต้องยอมรับและให้ความสำคัญในการยกระดับความรู้ทางวิทยาศาสตร์ของประชาชนทั่วไป ด้วยการปรับปรุงการสอนวิทยาศาสตร์ขั้นพื้นฐานในระบบการศึกษาทั้งหมด

ประเทศจีนเป็นตัวอย่างของประเทศที่มุ่งใช้ระบบอุดมศึกษา เพื่อส่งเสริมการวิจัยพื้นฐาน และการวิจัยเชิงประยุกต์ในด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยชั้นนำของจีนเริ่มด้วยการพัฒนาอาจารย์เป็น 2 แบบ คือ อาจารย์สอนซึ่งใช้เวลาเพื่อการสอนร้อยละ 70 และเพื่อการวิจัยร้อยละ 30  กับอาจารย์วิจัยซึ่งใช้เวลาร้อยละ 70 เพื่อการวิจัย และใช้เวลาร้อยละ 30 เพื่อการสอน ผลก็คือ ทำให้จีนสามารถพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีไปได้ด้วยดีประเทศหนึ่ง

นั่นก็คือ การจะพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีให้ก้าวหน้าไปได้ มหาวิทยาลัยจะต้องให้ความสำคัญกับเรื่องนี้อย่างจริงจัง ด้วยการส่งเสริมสมรรถนะการสอน การสร้างองค์ความรู้และการวิจัยที่ก้าวหน้า ในขณะเดียวกันรัฐบาลจะต้องยอมรับและให้ความสำคัญในการปรับปรุงการสอนวิทยาศาสตร์ขั้นพื้นฐานในระบบการศึกษาขั้นพื้นฐานทั้งหมด การพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีจึงจะประสบความสำเร็จ และก้าวทันเศรษฐกิจในยุคโลกาภิวัตน์
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

                                                                 สาระคิด

การประเมินผลของมหาวิทยาลัย มีวัตถุประสงค์เพื่อการกรองและการปรับปรุงการดำเนินงานทั้งหมดของ

มหาวิยาลัยให้ดีขึ้น ไม่ใช่เพื่อการลงโทษหรือผูกพันกับการจัดสรรทรัพยากรใดๆ

*********************************************************************************

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น