วันพฤหัสบดีที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2556

การเมืองเป็นเรื่องของทุกคน

เห็นจะยอมรับความจริงกันได้แล้วว่า  ปัญหาที่เกิดขึ้นในบ้านเมืองทุกวันนี้ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาเสื้อสี ปัญหาวิกฤติทางเศรษฐกิจ แม้แต่ปัญหานักเรียนตีกัน ล้วนแต่ปฏิเสธได้ว่าส่วนหนึ่งมีสา่เหตุมาจากการเมือง  เพราะการเมืองเป็นเรื่องของการแสวงหาอำนาจ เป็นเรื่องการใช้อำนาจในการจัดสรรสิ่งที่มีคุณค่าให้กับสมาชิกในสังคม  ที่ใดมีคนตั้งแต่สองคนขึ้นไป ที่นั่นมีการเมือง  ในครอบครัวก็มีการเมือง ในโรงเรียนก็มีการเมือง มีการรวมกลุ่มกันเมื่อไรเมื่อนั้นก็มีการเมือง

แน่นอนว่า การสมัครรับเลือกตั้ง เพื่อเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา สมาชิกสภาเทศบาล สมาชิกองค์การบริหารส่วนจังหวัด สมาชิกองค์การบริหารส่วนตำบล หรือแม้แต่กรรมการสมาคมฟุตบอล  ก็เป็นการแสวงหาอำนาจทางการเมือง เพื่อจะใช้อำนาจหรือมีส่วนร่วมในการใช้อำนาจ  จัดสรรสิ่งที่มีคุณค่าให้กับสมาชิกในสังคมทั้งสิ้น

สิ่งที่มีคุณค่านี้ หมายถึงสิ่งที่คนในสังคมต้องการ อาจจะเป็นตำแหน่งหน้าที่การงาน งบประมาณ บริการสาธารณะสุข ถนนหนทาง ไฟฟ้า น้ำประปา ฯลฯ  การจ่ายเบี้ยยังชีพ ให้ผู้สูงอายุ  ให้คนพิการ ให้การศึกษาขั้นพื้นฐานฟรี หรือการจำนำข้าว ที่รัฐบาลดำเนินการอยู่  ก็เป็นการใช้อำนาจทางการเมือง  เป็นผลของการตัดสินใจทางการเมืองทั้งสิ้น

จะเห็นว่าการเมืองนั้น เกี่ยวข้องกับวิถีการดำเนินชีวิตของพลเมืองทุกคน ไม่ทางตรงก็ทางอ้อม  เมื่อเป็นเช่นนี้ การแสวงหาอำนาจทางการเมือง  การต่อสู้ทางการเมือง  เพื่อใช้อำนาจทางการเมืองจึงเป็นเรื่องปกติของทุกสังคม

แต่ละครั้งที่มีการแข่งขันเพื่อเข้าสู่ตำแหน่งทางการเมือง จึงมีการต่อสู้อย่างจริงจัง มีการโฆษณาหาเสียง  แสดงถึงว่าเป็นผู้มีอุดมการณ์  ตั้งใจจะรับใช้ประชา ชน  ซึ่งก็พอจะรับได้  ถึงแม้อุดมการณ์นั้นจะไม่ชัดเจน หรือจำเนื้อหามาจากหนังสือปรัชญาทางการเมือง ก็ตาม แต่ก็มีอีกพวกหนึ่ง  แสวงหาอำนาจโดยใช้วิธีการซื้อเสียง กล่าวร้ายป้ายสี ใช้เล่ห์เพทุบายต่างๆนานา เพื่อให้ได้ตำแหน่งทางการเมือง  พวกนี้รับได้ยาก แต่นักการเมืองพวกนี้ก็มีมากอยู่

จะเห็นว่าตำแหน่งทางการเมืองนั้น  มีทั้งพวกที่ได้มาโดยสุจริต  และพวกที่ได้มาโดยใช้วิธีการทุจริต   แน่นอนว่าหากได้ตำแหน่งทางการเมืองโดยสุจริต ไม่ฉ้อฉล  ก็มีความชอบธรรมในการที่จะจัดสรรสิ่งที่มีคุณค่าให้กับสมาชิกในสังคม ในทางกลับกัน หากได้อำนาจมาด้วยวิธีการซื้อเสียง ทุจริตฉ้อฉล จะอ้างความชอบธรรมในการใช้อำนาจได้ยาก

อย่างไรก็ตาม นักการเมืองเมื่อได้รับการเลือกตั้งมาแล้ว มักจะอ้างความชอบธรรมว่า ตนเข้าสู่ตำแหน่งตามวิถีทางประชาธิปไตย  ได้รับฉันทานุมัติจากประชาชนโดยเสียงข้างมาก จึงมักจะทำอะไรก็ได้ ที่ตนอยากจะทำ โดยไม่คำนึงถึงความรู้สึกของประชาชน

ความจริงความชอบธรรมนั้น  นอกจากจะเกิดจากการได้ตำแหน่งโดยสุจริตแล้ว ยังจะต้องใช้อำนาจโดยสุจริตด้วย  การใช้อำนาจเพื่อประโยชน์ส่วนตนและพวกพ้อง จะอ้างความชอบธรรมไม่ได้

ท่านพุทธทาสภิกขุ เคยกล่าวไว้ว่า ประชาธิปไตยนั้นผลประโยชน์ของประชาชนต้องเป็นใหญ่ นักการเมืองที่ใช้อำนาจเพื่อประโยชน์ส่วนตนและพวกพ้อง  นอกจะไม่ชอบธรรมแล้ว  ยังไม่เป็นประชาธิปไตยอีกด้วย 

การใช้อำนาจโดยมิชอบด้วยทำนองคลองธรรมของนักการเมือง เป็นปัจจัยสำคัญที่สร้างความวุ่นวายทางสังคม ส่งผลกระทบต่อการดำิเนีิินชีวิตของคุนไทยทุกคน

แต่ก็มีคนไทยส่วนหนึ่ง ที่ยังคิดว่าการเมืองเป็นเรื่องของนักการเมือง  คนที่ไม่ใช่นักการเมืองไม่ควรเข้าไปยุ่งเกี่ยวทางการเมือง  ปล่อยให้การเมืองแก้ปัญหาด้วยนักการเมือง เป็นการฝากชะตากรรมของตนและของประเทศไว้กับนักการเมือง และนักการเมืองส่วนใหญ่ก็เชื่อย่างนั้น

การวางเฉยทางการเมือง หรือการไม่ยุ่งเกี่ยวทางการเมือง  หากถือคติอย่างนี้ต่อไป ปัญหาต่างๆจะยิ่งหนักขึ้นและมากขึ้น จนยากที่จะแก้ไข

จึงเห็นว่าถึงเวลาแล้ว  ที่คนไทยจะต้องคิดว่า  การเมืองเป็นเรื่องของทุกคน ไม่ปล่อยให้การเมืองเป็นเรื่องของนักการเมืองเพียงฝ่ายเดียว  ทุกคนจะต้องเข้าไปมีส่วนร่วมทางการเมือง โดยเริ่มตั้งแต่สนใจติดตามข่าวสารทางการเมือง พูดคุยประเด็นทางการเมือง ชักชวนคนอื่นให้เลือกผู้ที่ตนเห็นว่าเป็นคนดี เป็นคนดีที่สามรถอธิบายได้ เข้าร่วมชุมนุมทางการเมือง ผลักดันการตัดสินใจของรัฐบาล ตลอดจนเสนอตัวทำงานทางการเมือง  แต่จะร่วมในลักษณะใดนั้น ขึ้นอยู่กับสถานภาพของแต่ละบุคคล ซึ่งแตกต่างกัน

อย่างไรก็ตาม การติดตามข่าวสารทางการเมือง ทางหนังสือพิมพ์และโทรทัศน์ จะต้องระลึกไว้เสมอว่าสื่อทั้งหลายเป็นธุรกิจ จะต้องเขียนหรือพูด หรือวิจารณ์ในเรื่องที่ไม่กระทบกับธุรกิจที่ตนทำอยู่  จึงมีสื่อเลือกฝ่ายมากมายทั้งหนังสือพิมพ์และโทรทัศน์  ยิ่งวิทยุชุมชนยิ่งไปกันใหญ่  ทุกวันนี้วิทยุชุมชนส่วนหนึ่งกลายเป็นแหล่งปลุกระดมเสื้อสีต่างๆ อย่างชัดเจน จึงต้องใช้ดุลยพินิจในการรับฟังข่าวสารทางการเมืองจากสื่อเหล่านั้น มิฉะนั้นจะกลายเป็นกระบอกเสียงของนักการเมือง เป็นสาวกของเสื้อสีต่างๆโดยไม่รู้ตัว

หากมีเวลา จึงควรติดตามข่าวจากหนังสือพิมพ์หลายๆฉบับ โทรทัศน์หลายๆช่อง วิทยุหลายๆคลื่น

การเข้าร่วมกิจกรรมทางเมืองแม้จะเป็นเรื่องจำเป็นสำหรับทุกคน  แต่จะต้องคำนึงถึงกฎหมาย กฎเกณฑ์กติกาของสังคมประกอบด้วย  มิฉะนั้น ภาวะไร้ระเบียบทางสังคมจะเกิดขึ้น และมีผลทำให้เกิดความหายนะในทุกระบบของประเทศในที่สุด 
                                                 ------------------------------------------
                                                                    สาระคิด

                ให้คนถามว่าทำไมไม่ได้เป็นรัฐมนตรี  ดีกว่าให้คนถามว่าทำไมถึงได้เป็นรัฐมนตรี

                                                                                           นิรนาม
                                                        ---------------------------------

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น