วันพฤหัสบดีที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2556

การปฏิรูปการศึกษาจะต้องปฏิรูปการคิด:ตอน 3

นักการศึกษาไทยก็ให้ความสำคัญกับการคิดเหมือนกัน  ในหลักสูตรที่ใช้ในการเรียนการสอน ก็มีการระบุเป้าหมายที่ชัดเจนว่า ต้องการให้ผู้เรียนเป็นผู้ คิดเป็น ทำเป็น แก้ปัญหาเป็น  นับว่าเป็นวัตถุประสงค์ของหลักสูตรที่ใช้ภาษาได้คล้องจอง จำง่าย แต่ไม่เกิดผลในทางปฏิบัติ  เพราะผู้ปฏิบัติตีความคำว่าคิดเป็นไปคนละทิศคนละทาง

ความจริงคนไทยก็มีวิธีการเรียนรู้ของตนเอง  ที่เรียกกันว่า หัวใจนักปราชญ์ อันประกอบด้วย สุ จิ ปุ ลิ คือ ฟัง คิด ถาม จด  แต่ในทางปฏิบัติครูไทยมักนำมาใช้ 2 วิธี  ไม่ครบกระบวนการ คือใช้เพียงฟังกับจด  ขาดการคิดและถาม  ผลก็คือคนไทยถามและคิดไม่ค่อยเป็น  และจะถามเมื่อมีอารมณ์

เมื่อคิดและถามไม่เป็น สิ่งใหม่ๆจึงไม่ค่อยจะเกิด  มีแต่จดและจำต่อๆกันมา  หาวิธีแก้ปัญหาที่เหมาะสมกับสังคมไทยได้ยาก  คอยแต่จะฟังว่าคนอื่นคิดอย่างไร ชาติอื่นคิดอย่างไร  จะได้นำมาใช้แก้ปัญหาสังคมไทย  ซึ่งก็นับว่าง่ายดี  แต่ไม่เป็นวิธีแก้ปัญหาที่ยั่งยืน

ด้วยเหตุนี้จึงต้องย้ำอีกครั้งว่า   หากมีความจริงใจที่จะปฏิรูปการศึกษา จะต้องเริ่มด้วยการปฏิรูปการคิด ให้ผู้เรียนได้ถาม ได้คิดด้วยตนเอง

บ้านเมืองเราทุกวันนี้มีเรื่องที่ต้องคิดมากกมาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการนิรโทษกรรม การกู้เงิน 2 ล้านล้านบาท นโยายประชานิยมของพรรคการเมือง ตลอดจนเรื่องที่นักการเมืองซื้อเสียงโดยอ้างว่าจเข้ามาเพื่อรับใช้ประชาชน  ว่าเรื่องที่พูดที่ทำนั้นเกิดประโยชน์ต่อบ้านเมืองจริงหรือ  หรือเป็นเพียงการสร้างปัญหาใหม่ขึ้นมา
 
หากคนไทยตอบคำถามเหล่านี้ได้ด้วยตนเอง อย่างชัดเจน มีเหตุผล มีข้อมูลที่ถูกต้องและเพียงพอมา สนับสนุน  เชื่อได้ว่าประเทศชาติอันเป็นที่รักยิ่งของเรา คงจะมีการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นอย่างแน่นอน
                                            ---------------------------------------

                                                             สาระคิด

          เรามักจะเป็นผู้โปรยฝุ่นด้วยตนเองทั้งสิ้น  ก่อนที่เราจะบ่นว่ามองไม่เห็น

                                                                    George Berkeley
                                            -----------------------------------------

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น