วันพฤหัสบดีที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2556

มหาลัยมหาหลอก?

ในหลายปีที่ผ่านมา  มหาวิทยาลัยทั้งของรัฐและเอกชนได้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว  ทั้งที่ขยายเป็นวิทยาเขตและตั้งขึ้นใหม่  ประกอบกับมีการยกฐานะสถาบันราชภัฏและสถาบันเทคโนโลยีราชมงคลขึ้นเป็นมหาวิทยาลัย  ทำให้ขณะนี้มีมหาวิทยาลัยของรัฐรวมทั้งวิทยาเขตที่ตั้งอยู่ในจังหวัดต่างๆ  เฉลี่ยโดยประมาณจังหวัดละ 2 มหาวิทยาลัย  และถ้านับมหาวิทยาลัยของรัฐและเอกชนเข้าด้วยกัน จะพบว่ามหาวิทยาลัยในประเทศไทยมีมากมายและทั่วถึง  ซึ่งน่าจะเพียงพอต่อความต้องการทางการศึกษาในระดับนี้

หากมหาวิทยาลัยที่มีอยู่  ทำภาระกิจโดยเน้นคุณภาพเป็นสำคัญ  เชื่อว่าประเทศไทยสามารถพัฒนาไปได้อย่างรวดเร็ว

ถ้าพิจารณาถึงสาเหตุว่าทำไมจึงมีการจัดตั้งมหาวิทยาลัยเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก  เห็นจะตอบได้ว่าน่าจะเกิดจากสาเหตุ  2  ประการ กล่าวคือ  ประการแรก ก็เพื่อขยายโอกาสให้สอดคล้องกับการปฏิรูปการศึกษา  โดยเชื่อว่าการศึกษายิ่งมากยิ่งดี เพราะเป็นการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์  ทำให้มนุษย์มีคุณภาพ
ประการที่สอง ก็ด้วยเหตุผลทางการเมือง เพราะการที่นักการเมืองคนหนึ่ง สามารถวิ่งเต้นให้มีการจัดตั้งมหาวิทยาลัยหรือวิทยาเขตขึ้นในจังหวัดของตนได้  แสดงถึงความสามารถอย่างหนึ่งของผู้แทนราษฎร เป็นเครดิตทางการเมือง  เป็นศักดิ์ศรีของจังหวัด  จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่มหาวิทยาลัยส่วนกลาง ไปตั้งวิทยาเขตในจังหวัดไกลๆ

เมื่ออัตราการเพิ่มของมหาวิทยาลัย  เพิ่มสูงกว่าอัตราการเพิ่มของผู้เรียน การแข่งขันย่อมจะสูงขึ้นเป็นธรรมดา  จึงไม่แปลกที่มหาวิทยาลัยเกือบทุกแห่ง จะทำการโฆษณาประชาสัมพันธ์อย่างกว้างขวาง  อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนในประวัติการศึกษาไทย  ตลอดจนเสนอโครงการต่างๆเพื่อดึงดูดนักศึกษามากขึ้น

ความสำเร็จของผู้บริหารมหาวิทยาลัย จึงขึ้นอยู่กับความสำเร็จในการเพิ่มจำนวนนักศึกษา นับตั้งการแข่งขันเพื่อรับนักศึกษาภาคปกติ จนถึงการรับนักศึกษาภาคพิเศษหรือภาคนอกเวลา ซึ่งเป็นแหล่งรายได้พิเศษที่สำคัญของมหาวิทยาลัย

ที่น่าห่วงในสิ่งที่มหาวิยาลัยกำลังทำอยู่ คือห่วงว่าคุณภาพของบัณฑิตจะลดลง เพราะมีการดำเนินการแทบจะทุกวิถีทางที่ทำได้เพื่อให้นักศึกษาเข้ามาเรียนมากๆ  ถ้าพูดภาษาการตลาด  ก็จะได้ว่ามหาวิทยาลัยมีการส่งเสริมการขายตลอดเวลา  เพียงแต่ว่าในทางธุรกิจใช้วิธีลด แลก แจก แถม แต่สำหรับมหาวิทยาลัยใช้วิธี ลด หย่อน ผ่อนผัน

โดยเริ่มตั้งแต่กาเปิดสาขาวิชายอดนิยม โดยมากเป็นสาขาทางสังคมศาสตร์และการบริหาร ทั้งการบริหารธุรกิจและการบริหารรัฐกิจ ส่วนสาขาวิชาที่เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแทบจะไม่ค่อยมี  ทั้งๆที่ไทยค่อนข้างจะขาดแคลน

การเรียนการสอนก็ไม่ค่อยจะเคร่งครัดในเรื่องคุณภาพ  เข้าลักษณะจ่ายครบจบแน่ ในระดับปริญญาโทนักศึกษาไม่ค่อยจะเลือกเรียนในสาขาวิชาที่กำหนดให้ต้องทำวิทยานิพนธ์  ทั้งที่การวิจัยเป็นกระบวนวิธีที่จะสร้างองค์ความรู้ใหม่  และจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับประเทศกำลังพัฒนาอย่างประเทศไทยก็ตาม  หากจำเป็นต้องทำโดยไม่มีทางเลือกเป็นอย่างอื่น การทำวิทยานิพนธ์ 1 ชื่อเรื่อง บางมหาวิทยาลัยก็อนุญาตให้ช่วยกันทำ 2-3 คนหรือช่วยกันถึง 5 คน ก็มี

มหาวิทยาลัยบางแห่ง มีการให้สัญญาว่าจะให้จบภายในกี่ภาคเรียน ซึ่งยังไม่นับกลยุทธ์อื่นๆ  ที่มีเจตนาจูงใจนักศึกษาให้มาเรียนอีกมากมาย

เงื่อนไขเหล่านี้ส่วนใหญ่ก่อให้เกิดความด้อยคุณภาพของบัณฑิต จนลืมไปว่าการจัดการศึกษาแบบผิดๆ จะเป็นการทำลายทรัพยากรมนุษย์

ด้วยเหตุนี้มหาวิทยาลัยและสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา ควรสนใจเรื่องคุณภาพให้มากขึ้น  แต่หากปล่อยปละละเลยอย่างที่เป็นอยู่ โดยอ้างความอิสระทางวิชาการแบบผิดๆ  ก็ไม่แน่ใจว่าผู้จบปริญญาเอกในอนาคต จะได้ปริญญาบัตรระดับปริญญาเอก เพิ่มมาอีก 1 ใบ หรือได้ปริญญาบัตรระดับปริญญาตรีเป็น 3 ใบ

ปริญญาบัตรจะกลายเป็นเครื่องประดับบ้าน มากกว่าที่จะเป็นเครื่องมือใช้ทำมาหากิน  เมื่อถึงจุดนั้น มหาวิทยาลัยก็จะกลายเป็นมหาหลอก  หลอกผู้เรียนและสังคมด้วยการเป็นแหล่งผลิดปริญญาบัตรที่ไม่มีศักดิ์และศรีตามใบปริญญาบัตรที่มหาวิทยาลัยออกให้
                                            ----------------------------------------------------
                                                                           สาระคิด

       ดวงอาทิตย์ทำให้ทุกสิ่งกระจ่างชัด   แต่เรายังต้องทำความเข้าใจในส่วนที่มืดซึ่งยังคงดำรงอยู่
                                                                                    ขงเบ้ง
                                                                -------------------------


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น