เพื่อให้เป็นไปตามอุดมการณ์ของโลกาภิวัตน์ จึงได้จัดให้มีสถาบันโลกขึ้น เช่น กองทุนการเงินระหว่างประเทศ ธนาคารโลก องค์การค้าโลก เป็นต้น เพื่อทำหน้าที่กำหนดนโยบายและแนวทางให้กับประเทศกำลังพัฒนา
แต่ในทางปฏิบัติ นโยบายเหล่านั้น สถาบันโลกเหล่านั้น มีแนวโน้มที่จะก่อให้เกิดประโยชน์กับประเทศที่ร่ำรวยมากกว่า เพราะประเทศร่ำรวยมีอิทธิพลเหนือสถาบันเหล่านั้น
เพราะนโยบายต่างๆ ถูกกำหนดจากประเทศที่รำรวยฝ่ายเดียว แต่นำไปใช้ทั่วโลก ทำให้ประเทศกำลังพัฒนา ไม่สามารถเลือกใช้นโยบายที่เหมาะสมกับความจำเป็นของประเทศของตนได้ ผลก็คือ ประเทศกำลังพัฒนา ต้องพบกับความยากลำบากอย่างมาก ในการที่จะนำประเทศผ่านกระแสโลกาภิวัตน์ที่ไหลทะลักเข้ามาอย่างรุนแรง
ในคริสต์ทศวรรษที่ 1990 สำหรับประเทศกำลังพัฒนา ถือว่าเป็นทศวรรษแห่งความคับข้องใจ หลายประเทศต้องรับประทานยาขม ที่ธนาคารโลกและกองทุนการเงินระหว่างประเทศยื่นให้ เศรษฐกิจสังคมนิยมต้องล่มสลายไป เศรษฐกิจของประเทศในอาเซีย เช่น เกาหลีใต้ ไทย และมาเลเซีย ซึ่งเคยได้รับการยกย่องก่อนหน้านี้ว่า มีการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจที่น่าอัศจรรย์ ต้องเผชิญกับภาวะขายหน้า เนื่องจากเกิดภาวะวิกฤติทางเศรษฐกิจขึ้นในปี ค.ศ. 1997 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่โลกาภิวัตน์กำลังเฟื่องฟูเป็นที่รับรู้กันทั่วโลก
คำถามจึงมีว่า ถ้าโลกาภิวัตน์ช่วยเกื้อกูลประเทศที่ยากจนได้จริง ทำไมจึงเกิดวิกฤติในประเทศเหล่านั้น
หลายประเทศ ที่เปิดประเทศให้สินค้าและเงินทุนไหลเข้าอย่างเสรี ผลที่ตามมา ก็คือเกิดวิกฤตการณ์ทางการเงินการคลัง และได้รับการปฏิบัติอย่างน่าผิดหวังจากธนาคารโลก และกองทุนการเงินระหว่างประเทศในเวลาถัดไป
ในปี ค.ศ. 1990 ประเทศแถบอเมริกาลาติน ซึ่งเปิดรับกระแสโลกาภิวัตน์อย่างจริงจัง พบว่ามีอัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจต่ำกว่าหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 มาก อาร์เจนตินาก็เป็นอีกประเทศหนึ่งในแถบนี้ ที่เป็นตัวอย่างของความหายนะ อันเกิดจากโลกาภิวัตน์
ประสบการณ์ที่เกิดขึ้นกับประเทศต่างๆ แสดงให้เห็นว่า การเปิดตลาดเสรีแม้จะเป็นสิ่งที่ดีสำหรับประเทศที่ยากจน แต่กฏเกณฑ์กติกาที่ใช้อยู่ไม่เอื้ออำนาย ทั้งๆที่ประเทศเหล่านั้นปฏิบัติตามกฎขององค์การค้าโลก แต่ได้รับการตำหนิอย่างรุนแรงจากธนาคารโลก หรือทั้งที่ยอมรับเงื่อนไขของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ ตามกฎเกณฑ์ที่ประเทศกำลังพัฒนากำหนดขึ้น แต่ยังเกิดวิกฤติทางเศรษบกิจจนได้
นอกจากนั้น ประเทศกำลังพัฒนายังต้องเผชิญกับกับกำแพงภาษีศุลกากร ที่่ประเทศพัฒนาตั้งไว้สูงสุด สำหรับสินค้าที่นำเข้าจากประเทศที่ยากจน
ส่วนสิทธิบัตรต่างๆที่เกี่ยวกับทรัพย์สินทางปัญญา ทำให้ยารักษาโรคในประเทศกำลังพัฒนามีราคาแพงขึ้นอย่างมาก จนทำให้ประเทศที่ยากจนไม่สามารถเข้าถึงยาที่จำเป็นเหล่านั้นได้
วิกฤตการณ์ดังกล่าวเหล่านี้ ก่อให้เกิดคำถามว่า โลกาภิวัตน์เพื่อใคร เพื่อประเทศที่ยากจนหรือประเทศที่ร่ำรวย เพื่อประเทศกำลังพัฒนาหรือประเทศที่พัฒนา
-----------------------------------------------
สาระคิด
หลักการหรืออุดมการณ์ดีๆ ใช่ว่าจะดีสำหรับทุกสภาพการณ์
การจะนำไปใช้ต้องรู้จักประยุกต์ จึงจะเกิดประโยชน์อย่างแท้จริง
-------------------------
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น