การพัฒนามิได้เกิดขึ้นโดยอิสระ ทันทีทันใด แต่การพัฒนาได้มีวิวัฒนาการมาเป็นเวลานาน ซึ่งสามารถจำแนกรูปแบบและช่วงเวลาของการพัฒนาได้เป็น 3 รูปแบบ คือ
ระยะแรกของการพัฒนา ระยะนี้เริ่มตั้งแต่มนุษย์เรารู้จักการเพาะปลูกเพื่อการยังชีพ ถึงก่อนการปฏิวัติอุตสาหกรรมในยุโรป
การดำรงชีพของมนุษย์ในช่วงนี้ มีลักษณะเรียบง่าย สะดวกสบาย มีความเป็นอยู่อย่างพอกินพอใช้ พึ่่งตนเอง ใช้เทคโนโลยีพื้นบ้านแบบง่ายๆ ตามความเหมาะสมและความจำเป็นของแต่ละท้องถิ่น
การพัฒนาในช่วงนี้ มุ่งเน้นเรื่องการพึ่่งตนเอง ที่สามารถสนองตอบความจำเป็นของตนเองหรือของท้องถิ่นได้
ระบบสังคมเป็นทั้งผู้ผลิตและผู้บริโภค ระบบตลาดยังไม่มีหรือถ้ามีก็ยังมีอิทธิพลน้อยมาก การดำรงชีพของประชาชนขึ้นอยู่กับธรรมชาติ เคยชินกับการรอคอยจากรัฐและธรรมชาติ
สังคมสมัยนี้เป็นสังคมปิด มีความผูกพันเหมือนครอบครัวใหญ่ ระบบข้าราชการเป็นแบบเจ้าขุนมูลนาย โดยข้าราชการถือว่าตนเองเป็นนาย
ระยะที่สองของการพัฒนา ระยะนี้เริ่มตั้งแต่การเกิดปฏิวัติอุตสาหกรรมในยุโรป ในคริสต์ศตวรรษที่ 18 ที่เริ่มใช้เครื่องจักรกลเข้ามาใช้ประโยชน์ในการผลิตแทนแรงงานมนุษย์
การใช้เครื่องจักรกลทำให้การผลิตมีประสิทธิภาพ มีผลผลิตเพิ่มหลายเท่าตัว ทำให้สังคมยุโรปเปลี่ยนแปลงไปมาก ประชาชนแบ่งเป็นผู้ผลิตและผู้บริโภค มีการแบ่งงานกันทำตามความถนัดและความสามารถ สังคมกลายเป็นสังคมเปิด ใช้ระเบียบข้อบังคับควบคุมความประพฤติของคนในสังคมแทนจารีตประเพณี
ผลชัดเจนที่เกิดจากการปฏิวัติอุตสาหกรรม ก็คือการพัฒนาของประเทศในยุโรปเป็นไปอย่างรวดเร็ว
ความสำเร็จในการพัฒนาของประเทศในยุโรป ทำให้ประเทศที่ล้าหลังเกิดแรงจูงใจที่จะพัฒนาประเทศของตน โดยพยายามลอกเลียนแบบและวิธีการจากประเทศในยุโรปไปใช้ในประเทศของตน
ส่งผลให้ประเทศที่เคยล้าหลังเหล่านั้น เกิดช่องว่างระหว่างคนในเมืองและคนในชนบท ทำให้วิถีชีวิตเปลี่ยนไป เกิดการต่อต้านและการขัดแย้งภายในอย่ารุนแรง เนื่องจากความคาดหวังของประชาชนสูงขึ้น แต่ขนบธรรมเนียมประเพณีดั้งเดิมไม่เอื้ออำนวยต่อการผลิตสมัยใหม่
ระยะที่สามของการพัฒนา เป็นการพัฒนาที่กำลังเป็นอยู่ในปัจจุบัน และจะดำเนินต่อไปในอนาคต เป็นยุคของการพัฒนาเทคโนโลยีขั้นสูง และเป็นการพัฒนาเทคโนโลยีที่เป็นไปอย่างรวดเร็ว
จากการใช้เครื่องจักรกลมาใช้อย่างกว้างขวางในระยะที่สอง ทำให้มีการใช้พลังงานอย่างฟุ่มเฟือย พลังงานมีราคาสูงขึ้น ประเทศที่พัฒนาไม่สามาถใช้อิทธิพลทางการเมืองหรือการทหารเข้าไปช่วงชิงผลประโยชน์และเอารัดเอาเปรียบประเทศด้อยพัฒนาได้อีกต่อไป
ประกอบกับมีเสียงเรียกร้องจากประเทศด้อยพัฒนาที่ยากจน ทำให้ประเทศพัฒนาเริ่มหายุทธวิธีหรือแนวทางการพัฒนาใหม่ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งแนวทางสำหรับพัฒนาให้กับประเทศยากจนทั้งหลาย เพราะความล้มเหลวในการพัฒนาของประเทศด้อยพัฒนาได้ส่งผลกระทบค่อนข้างจะรุนแรงให้กับประเทศพัฒนา ไม่โดยทางตรงก็ทางอ้อม
นอกจากนั้น องค์กรระหว่างประเทศที่เคยอยู่ใต้อิทธิพลของประเทศพัฒนาทั้งหลาย ได้เปลี่ยนแนวทางและวิธีการเพื่อสนองความต้องการของประเทศด้อยพัฒนามากขึ้น
เหล่านี้ มีผลทำให้ยุทธวิธีและแนวทางการพัฒนาได้เปลี่ยนไปจากระยะที่สองที่เน้นการใช้เครื่องจักกล หันมาให้ความสำคัญกับการพัฒนาเทคโนโลยีขั้นสูงและช่วยเหลือประเทศล้าหลังให้สามารถพัฒนาตนเองควบคู่ไปด้วย
---------------------------------------------------------------
สาระคิด
การเปลี่ยนแปลงที่ไม่มีเป้าหมาย ไม่ใช่การพัฒนา
--------------------------
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น